กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ชาวอเมริกันที่เข้ารับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงแตะที่ 610,000 ราย จากระดับ 663,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 655,000 ราย และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า การเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานส่งผลให้ยอดรวมชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานพุ่งทะลุ 6 ล้านรายเป็นครั้งแรก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานยังคงอ่อนแอไปเกือบทั้งปีและยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นตัวได้ในเร็ววัน ขณะที่การรายงานตัวเลขการก่อสร้างบ้านดิ่งลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมี.ค.
นักวิเคราะห์ระบุว่า บริษัทหลายแห่งเริ่มชะลอการปลดพนักงานจากปกติที่มักมีการโละพนักงานในช่วงวันหยุดกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้จำนวนผู้ตกงานที่ขอรับสวัสดิการว่างงานลดน้อยลงด้วย แต่ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ยังเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินว่าตลาดแรงงานมีเสถียรภาพหรือไม่
เอียน เชพเฮอร์ดสัน นักวิเคราะห์จาก High Frequency Economics กล่าวว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ แต่อาจไม่สูงเท่ากับช่วงปีที่ผ่านมา
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศการปลดพนักงานจากบริษัทต่างๆที่พิจารณาตามช่วงเวลา ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการชี้วัดภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นจากระดับ 369,000 รายในปีก่อน
ทั้งนี้ บรรดานายจ้างในสหรัฐได้ปรับลดพนักงาน 5.1 ล้านรายนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำก่อตัวขึ้นในเดือนธ.ค. 2550 เนื่องจากพวกเขาพยายามปรับลดค่าใช้จ่าย ขณะที่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจใช้จ่ายน้อยลง โดยในเดือนมี.ค.มีผู้ตกงานทั้งสิ้น 663,000 ราย ส่งผลให้อัตราว่างงานพุ่งแตะระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอล 25 ปี