กูเกิล อิงค์ ผู้นำด้านการสืบค้นออนไลน์ของสหรัฐเปิดเผยผลกำไรไตรมาสแรกที่เพิ่มขึ้น 8.9% หลังจากที่บริษัทได้ปรับลดพนักงานและยุบการดำเนินธุรกิจบางแผนก ขณะที่ยอดขายยังชะลอตัวเนื่องจากอุปสงค์โฆษณาออนไลน์ตกต่ำลง
กูเกิลเปิดเผยว่า กำไรสุทธิไตรมาสแรกไต่ระดับขึ้นแตะที่ 1.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.49 ดอลลาร์/หุ้น โดยมียอดขายที่ 4.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์จากโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่าจะอยู่ที่ 4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ลูกค้าได้ลดการลงโฆษณาออนไลน์ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายรายไตรมาสตกลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่บริษัทจดทะเบียนซื้อขายในปี 2547 โดยขณะนี้ กูเกิลเดินหน้าลดการใช้จ่ายด้านการวิจัยและการตลาดเพื่อประคับประคองความสามารถในการทำกำไรด้วยการลดการจ้างงานในฝ่ายขาย และยุบธุรกิจด้านการโฆษณาทางสื่อหนังสือพิมพ์และวิทยุ ซึ่งบริษัท EMarketer Inc.คาดว่า งบการใช้จ่ายด้านโฆษณาออนไลน์จะชะลอตัวแตะที่ 4.5% ในปีนี้ ซึ่งร่วงลงจากระดับ 10% ในปี 2551
ขณะเดียวกัน อีริค ชมิดท์ ซีอีโอของกูเกิลกล่าวในการประชุมทางไกลว่า "บริษัทเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจขณะนี้ทำให้ทุกคนเผชิญความยากลำบาก"
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่กูเกิลรายงานผลประกอบการ หุ้นกูเกิลไต่ระดับขึ้นสูงสุด 6% โดยในปีนี้ หุ้นกูเกิลในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นแนสแดคไต่ระดับขึ้น 26% ในปีนี้
ริชาร์ด ไฟท์โก นักวิเคราะห์จาก Curhan Ford & Co. กล่าวว่า "การประชุมที่แสดงความคิดเห็นออกมาในเชิงลบอาจส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในหุ้นกูเกิลซบเซา"
อย่างไรก็ดี กูเกิลรั้งอันดับหนึ่งในการเป็นผู้ให้บริการสืบค้นข้อมูลออนไลน์ด้วยการครองส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐได้ถึง 64% ในเดือนมี.ค. ตามด้วย ยาฮู อิงค์ ที่รั้งอันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่ง 21% ขณะที่ไมโครซอฟท์ มีส่วนแบ่งตลาดที่ 8.3%