มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 61.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว จากเดือนมี.ค.ที่ 57.3 จุด
ก่อนหน้าหน้านี้นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นคาดการณ์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.ของสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นแตะระดับ 58.5 จุด จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 57.3 จุด ซึ่งจะเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นสองเดือนติดต่อกัน ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ที่ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจสิ้นสุดลงเร็วๆนี้
เจมส์ ซัลลิแวน นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ยูบีเอส แอลแอลซี กล่าวว่า ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการผลิตของสหรัฐซึ่งได้รับผลกระทบหนักสุดในช่วงที่ผ่านมานั้น อาจมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มองว่าภาวะหดตัวทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยให้ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70%ของระบบเศรษฐกิจ ปรับตัวขึ้นด้วย
ออกัสติน ดี ฟาวเชอร์ ผู้อำนวยการด้านเศรษฐกิจมหภาคของ Moody's Economy.com คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวอย่างยั่งยืนได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2553 แม้ต้องเผชิญกับภาวะถดถอยรุนแรงสุดในรอบหลายสิบปีก็ตาม
"เราคาดว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กจะดิ่งลงแตะก้นเหวในไม่ช้านี้ ตามด้วยยอดขายบ้านที่มีแนวโน้มดิ่งแตะก้นเหวในช่วงกลางปีนี้ และราคาบ้านจะดิ่งลงสุดๆภายในปีนี้เช่นกัน จากนั้นทุกอย่างจะ ดีดตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ปี 2553 และในช่วงหลายปีเดียวกันนั้น ราคาบ้านจะค่อยๆปรับตัวสูงขึ้น" ฟาวเชอร์กล่าว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน