ทีมงานโอบามาส่งสัญญาณงดยื่นเรืองขอเงินทุน TARP เพิ่มจากคองเกรส

ข่าวต่างประเทศ Monday April 20, 2009 14:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐได้ส่งสัญญาณออกมาแล้วว่า ทางคณะทำงานอาจจะไม่จำเป็นต้องขอเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมจากกองทุนคณะกรรมการกำกับดูแลโครงการฟื้นฟูเข้าซื้อสินทรัพย์ที่เกิดปัญหา (TARP) เนื่องจากธนาคารหลายแห่งวางแผนที่จะคืนเงินภาษีให้กับประชาชน และสถาบันการเงินอื่นๆถูกผลักดันให้เข้าถึงตลาดเอกชนก่อน

แรห์ม เอ็มมานูเอล หัวหน้าคณะทำงานของทำเนียบขาวกล่าวว่า ในขณะที่เขาเองยังไม่ได้เห็นผลการตรวจสอบสถานภาพทางการเงินของธนาคารยักษ์ใหญ่ 19 แห่ง แต่เขาก็เชื่อว่าคณะทำงานไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มเติมอีก ทางด้านนายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ กล่าวว่า แหล่งเงินแรกที่จะต้องมีการดึงมาใช้สำหรับการได้มาซึ่งเงินทุนเพิ่มเติมคือ ตลาดเอกชนผ่านการออกหุ้นใหม่หรือสว็อปสินทรัพย์เป็นหุ้น

การออกมาแสดงความคิดเห็นดังกล่าวเมื่อวานนี้บ่งชี้ว่า ทีมงานของโอบามาไม่ต้องการผูกมัดเข้ากับการเจรจาต่อรองกับสภาคองเกราที่ได้เคยออกมาเตือนแล้วครั้งหนึ่งเกี่ยวกับความไม่พอใจของประชาชนเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือแก่วอลล์สตรีท ซึ่งหมายความว่า การอนุมัติให้มีการขยายโครงการฟื้นฟูเข้าซื้อสินทรัพย์ที่เกิดปัญหามูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์นั้น จะกลายเป็นเรื่องที่ท้าทายเรื่องหนึ่ง

บลูมเบิร์กรายงานว่า เอ็มมานูเอลกล่าวต่อไปว่า คณะทำงานเชื่อว่ามีทรัพยากรเหล่านี้อยู่พอเพื่อที่จะสร้างความมั่นใจได้ว่าธนาคารทั้ง 19 แห่งนั้นสามารถอยู่รอดและมีสถานภาพทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เรายังสามารถหลีกเลี่ยงการยึดทรัพย์ของธนาคารให้เป็นสมบัติของรัฐจากธนาคารที่มีสถานภาพทางการเงินอ่อนตัวที่สุดได้เป็นเวลาชั่วคราว

ซัมเมอร์สกล่าวต่อไปว่า บริษัทที่ต้องการเงินทุนเพิ่มเติมสามารถติดต่อสถาบันการเงินเอกชนได้ รัฐบาลเองก็สามารถทำเช่นนั้นได้เงินภาษีเพิ่มเติมจากสถาบันการเงินที่มีจุดยืนที่แข็งแกร่งที่สุดที่จะชำระหนี้คืน

ทั้งนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยผลการตรวจสอบสถานภาพทางการเงินของธนาคารสหรัฐวันที่ 4 พ.ค.นี้ ซึ่งผลการตรวจสอบดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะรับประกันว่า ธนาคาร 19 แห่ง ซึ่งรวมถึงซิตี้กรูป แบงค์ ออฟ อเมริกา จีแมค และเม็ทไลฟ์ มีเงินทุนเพียงพอที่จะรับมือกับช่วงขาลงทางเศรษฐกิจ

กระทรวงคลังสหรัฐและหน่วยงานด้านการกำกับดูแลการเงินกำลังแตกคอกันถึงวิธีการเปิดเผยผลการตรวจสอบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่บางส่วนเป็นห่วงเรื่องความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อสถาบันการเงินที่อยู่ในสถานภาพที่อ่อนตัวกว่า



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ