บมจ.ปตท.(PTT) และ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) ประกาศปรับขึ้นราคาเบนซินทุกชนิดอีกลิตรละ 60 สตางค์ โดยมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น.วันที่ 21 เม.ย.เป็นต้นไป เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าการตลาดอยู่ในระดับที่ต่ำ
"ค่าการตลาดโดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอล์โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำมากประมาณ 60-80 สตางค์/ลิตร ปตท.จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด 60 สตางค์/ลิตร ยกเว้นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85" นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ตลาดขายปลีกหน่วยธุรกิจน้ำมัน PTT กล่าว
การปรับขึ้นราคาขายหลีกครั้งนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในกรุงเทพฯ และปริมณฑลของ ปตท.และบางจากฯ จะเป็นดังนี้ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 26.24 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 25.44 บาท, แก๊สโซฮอล์ อี 20 อยู่ที่ลิตรละ 23.94 บาท, เบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 30.04 บาท, ดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 23.29 บาท และไบโอดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 20.29 บาท ส่วนแก๊สโซฮอล์ อี 85 อยู่ที่ลิตรละ 21.29 บาทเท่าเดิม
นายวิทยา กล่าวว่า ทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากรายงานผลสำรวจของ University Of Michigan ที่มีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ในเดือน เม.ย.52 ปรับตัวสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน อยู่ที่ระดับ 61.9 (สูงขึ้นกว่าเดือน มี.ค.52 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 57.3) ประกอบกับบริษัท ซิตี้กรุ๊ป และบริษัท เจนเนอรัล อิเล็กทริค ของสหรัฐฯ ประกาศผลประกอบการในไตรมาสแรกปี 2552 อยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
ล่าสุดวันนี้ ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 51.17 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปเบนซินสิงคโปร์ อยู่ที่ 63.56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 60.38 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นายวิทยา กล่าวว่า สถานการณ์ความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่การฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังคงต้องใช้เวลา และยังต้องติดตามสถานการณ์การเมืองประเทศผู้ผลิตน้ำมัน เช่น ท่าทีของประเทศอิหร่านและเวเนซูเอลาที่มีต่อสหรัฐฯ และปริมาณสำรองน้ำมันของโลกซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 370 ล้านบาร์เรล นับว่าสูงสุดในรอบ 19 ปี