นายอลิสแตร์ ดาร์ลิ่ง รมว.คลังอังกฤษเตรียมจัดสรรเงิน 1 พันล้านปอนด์ (1.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อกระตุ้นยอดการสร้างบ้านในอังกฤษ หลังโครงการสร้างที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมามีจำนวนลดลงเพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงิน
โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า รัฐบาลจะเข้าซื้อหุ้นในโครงการก่อสร้างที่หยุดชะงักไป และจะจัดสรรเงินช่วยเหลือด้านโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทั้งซื้อหุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์เพื่อช่วยเหลือเจ้าของบ้าน โดยนายดาร์ลิ่งจะแถลงถึงการใช้เงินงบประมาณอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้
ภายใต้แผนการดังกล่าว รัฐบาลจะจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยให้บริษัทรับสร้างบ้านเริ่มเดินหน้าก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยที่ต้องหยุดชะงักไปอันเป็นผลจากการที่บริษัทเหล่านี้ขาดสภาพคล่อง นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวยังสามารถนำไปใช้ในการสร้างถนนหนทาง และระบบโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆที่บ่อยครั้งจำเป็นต้องอาศัยเงินจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชนได้ด้วย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ยอดสั่งซื้อบ้านใหม่ในเดือนก.พ.ลดลง 46% จากปีก่อนหน้านี้ หลังจากเกิดภาวะตลาดสินเชื่อตึงตัว ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำลงหนักสุดในรอบ 20 ปี ขณะที่รัฐบาลอังกฤษภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ กำลังพยายามกระตุ้นยอดการก่อสร้างเพื่อให้มีที่อยู่อาศัยเพียงพอสำหรับประชาชนที่ยากจน
"เราจำเป็นต้องมีรัฐบาลที่ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและสามารถใช้นโยบายทางการเงินที่ครอบคลุมเพื่อประคับประคองภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเปราะบาง" สจ๊วร์ต เบสลีย์ ประธานฝ่ายบริหารของสมาคมผู้สร้างบ้านกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งอาทิ Bovis Homes Group Plc, Redrow Plc และ Taylor Wimpey Plc มียอดการสร้างบ้านที่แล้วเสร็จจำนวน 160,000 หลังในปีทีผ่านมา ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 240,000 หลังต่อปี ขณะที่สมาคมผู้สร้างบ้านกล่าวว่า ในปีนี้ ยอดการสร้างบ้านจะทุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์