การปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารกลางออสเตรเลียเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังอัตราว่างงานเพิ่มสูงขึ้นและอุปสงค์ในประเทศซบเซาน้อยกว่าคาดนั้นได้ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลียมีแนวโน้มชะลอตัวลง
รายงานหลังการประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลียเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมาระบุว่า "แนวโน้มอุปสงค์ระยะสั้นได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ และผลผลิตในออสเตรเลียขณะนี้อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้"
นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ เปิดเผยเป็นครั้งแรกวานนี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในออสเตรเลียท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งภาวะดังกล่าวส่งผลกระทบต่ออุปสงค์สินค้าในกลุ่มทรัพยากรธรรมชาติ ขณะที่นายเกล็น สตีเว่น ผู้ว่าการธนาคารกลางได้ลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 49 ปีมาอยู่ที่ระดับ 3% ในเดือนนี้ ซึ่งทำสถิติปรับลดดอกเบี้ยลงเป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เดือนก.ย.
"กำลังการผลิตยังคงอยู่ในระดับต่ำและตลาดแรงงานยังคงอ่อนแอ ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงขาลงในระยะกลาง ดังนั้นทำให้ธนาคารจึงมีข้อจำกัดในการลดดอกเบี้ยลง" รายงานระบุ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อัตราว่างงานของออสเตรเลียปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมี.ค.ที่ 5.7% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ออสเตรเลียเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2534
นอกจากนี้ รายงานหลังการประชุมระบุว่า "ตลาดแรงงานของออสเตรเลียยังขาดปัจจัยหนุนที่แข็งแกร่ง และคาดว่าจะมีผู้ตกงานมากขึ้นแต่อัตราการขยายตัวของรายได้จะทรงตัวอยู่ในระดับปานกลางต่อไป และคาดว่าผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะลดลงในปีนี้แต่จะฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งในปีหน้า"
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นมา รัฐบาลได้ประกาศมาตรการจัดสรรเงินช่วยเหลือเกือบ 9 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลียเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและให้ความช่วยเหลือในตลาดตราสารหนี้