โดนัลด์ โคห์น รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มมีเสถียรภาพในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และจากนั้นจะเริ่มดีดตัวขึ้นหลังจากตลาดการเงินซึ่งตกอยู่ในภาวะเปราะบางมาโดยตลอดนั้น แข็งแรงขึ้น
"มีข้อมูลบ่งชี้ว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเริ่มทรงตัว ข้อมูลเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวในอัตราที่ช้าลง จากนั้นจะเริ่มดีดตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ในส่วนของเฟดนั้น ที่ผ่านมาคณะกรรมการเฟดพยายามคลี่คลายปัญหาด้านสินเชื่อและยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ ซื้อสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน และลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจนเหลือเพียง 0-0.25%" โคห์นกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยเดลาแวร์
การแสดงความคิดเห็นของนายโคห์นสอดคล้องกับที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดเชื่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ระยะแรกของการฟื้นตัว หลังจากเฟดอัดฉีดเม็ดเงินหลายแสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดการเงิน ซึ่งช่วยให้ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวลดลง ขณะที่รัฐบาลของบารัค โอบามา ใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภค นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยให้ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70%ของระบบเศรษฐกิจ ปรับตัวขึ้นด้วย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 61.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว จากเดือนมี.ค.ที่ 57.3 จุด ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 58.5 จุด
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 28-29 เม.ย.นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 0-0.25% สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน