เทสโก้ พีแอลซี (Tesco Plc,) ผู้ค้าปลีกรายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรปรายงานผลกำไรที่ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 15 ปี จากผลกระทบในการปรับลดราคาสินค้าของบริษัทคู่แข่งที่มีผลต่อการครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศอังกฤษ
รายได้สุทธิของเทสโก้เพิ่มขึ้น 1.7% แตะที่ 2.16 พันล้านปอนด์ (3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในรอบปีที่สิ้นสุด ณ วันที่ 28 ก.พ. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์จากโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่าจะอยู่ที่ 2.26 พันล้านปอนด์ และยังเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2537 ซึ่งขณะนั้นบริษัทมีผลกำไรลดลง 24%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เทสโก้ได้เร่งใช้นโยบายปรับลดราคาสินค้า เพื่อแย่งลูกค้าจากอัลดีและลิดเดิลของวอล-มาร์ทมาครอง และเพื่อเป็นการชดเชยกับรายได้ที่ชะลอตัวของตลาดในประเทศ เทสโก้จึงได้ขยายสาขาร้านค้าในสหรัฐและยุโรป พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการซูเปอรมาร์เก็ตในเกาหลีใต้
นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา ในลอนดอนกล่าวว่า "เมื่อเปรียบเทียบบรรยากาศการแข่งขันแล้วจะเห็นว่า บรรยากาศด้านการค้าในอังกฤษค่อนข้างซบเซา แต่หากมองถึงบรรยากาศการค้าในต่างประเทศนั้น การควบรวมกิจการจะช่วยขับเคลื่อนการขยายตัวของเทสโก้ได้อย่างแท้จริง"
ทั้งนี้ หุ้นเทสโก้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% ในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอนวานนี้ ขณะที่ในปีนี้ หุ้นเทสโก้ดิ่งลง 7.8%