นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในเดือน มี.ค.52 รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณจำนวน 89,882 ล้านบาท จากการที่รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 105,463 ล้านบาท แต่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 195,345 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการจัดทำงบประมาณรายจ่ายกลางปี 52 และมีการเบิกจ่ายงบประมาณในโครงการสำคัญ เช่น มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ (เช็คช่วยชาติ 2,000 บาท) และโครงการเรียนฟรี 15 ปี
และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล 4,380 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดจำนวน 94,262 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลด้วยการกู้เงินโดยออกพันธบัตร และตั๋วเงินคลัง จำนวน 87,000 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสด (หลังกู้ชดเชยการขาดดุล) เดือน มี.ค.52 ขาดดุล จำนวน 7,262 ล้านบาท
ทั้งนี้ ส่งผลให้ฐานะการคลังของรัฐบาล ช่วง 6 เดือนแรกปีงบประมาณ 52 ( ต.ค.51-มี.ค.52) รัฐบาลขาดดุลงบประมาณ จำนวน 411,895 ล้านบาท จากการที่รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 559,886 ล้านบาท แต่รายจ่ายรัฐบาลมีการเบิกจ่ายงบประมาณจำนวน 971,781ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุลจำนวน 18,148 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการได้รับชดใช้เงินคงคลังจำนวน 27,540 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดของรัฐบาลขาดดุล 393,747 ล้านบาท
รัฐบาลได้บริหารเงินสดให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงิน รวมทั้งเพื่อเป็นการประหยัดภาระดอกเบี้ย จึงได้ชดเชยการขาดดุลดังกล่าวด้วยการออกพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลังจำนวน 215,530 ล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 178,217 ล้านบาท
"การที่รัฐบาลขาดดุลเงินสด 6 เดือนแรกปีงบ 52 รวมทั้งสิ้น 393,747 ล้านบาท ได้สะท้อนบทบาทหลักของนโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้" นายสมชัย กล่าว