อินเดียมีแนวโน้มที่จะแซงหน้าเป็นผู้ซื้อก๊าซแอลเอ็นจีรายใหญ่ปีนี้ เนื่องจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสเปนลดปริมาณการซื้อลง ในขณะที่อินเดียขาดแคลนก๊าซต่อวันถึง 80 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของความต้องการภายในประเทศ แม้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอินเดียจะชะลอตัวลง
บลูมเบิร์กรายงานว่า การเข้ามามีบทบาทของอินเดียในตลาดซื้อขายล่วงหน้าก๊าซแอลเอ็นจีอาจจะกระตุ้นให้ราคาก๊าซที่ร่วงลงถึง 70% จากระดับสูงสุดเมื่อปีที่แล้ว ดีดตัวขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเปลี่ยนเป้าหมายการจัดส่งก๊าซจากสหรัฐและยุโรปมาเป็นอินเดีย โดยอินเดียกำลังนำเข้าก๊าซอย่างน้อย 8 คาร์โกนอกเหนือไปจากสัญญาระยะยาวในช่วงเดือนมี.ค.และเม.ย. เมื่อเปรียบเทียบกับยอดการนำเข้าเดือนพ.ย.ปีที่แล้วมาจนถึงเดือนก.พ.ปีนี้
ยุเพนทรา ดัตตา ชูบีย์ ประธานฝ่ายจัดส่งก๊าซของเกล อินเดีย กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆต่อความต้องการก๊าซธรรมชาติในอินเดีย ตอนนี้เรามีปัญหาในการจัดหาก๊าซให้เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ แม้จะเป็นสัดส่วนแค่ 60% ก็ตาม
ปิโตรเน็ท แอลเอ็นจี โรยัล ดัทช์ เชลล์ โททาล เอสเอ และรัตนากีรี แกส ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเกล กำลังเพิ่มขีดความสามารถในการนำเข้าก๊าซถึง 2 เท่าในปีนี้ที่โรงงาน 3 แห่งในบริเวณชายฝั่งตะวันตกของอินเดีบ ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าความต้องการก๊าซแอลเอ็นจีจะสูงขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากราคาที่ตกลง
โทนี่ เรแกน ที่ปรึกษาอิสระที่ทำงานให้เชลล์ กล่าวว่า อินเดียอาจจะเป็นประเทศผู้ซื้อก๊าซแอลเอ็นจีที่จริงจังเพียงรายเดียวในเอเชีย เป้าหมายการจัดส่งก๊าซจึงเปลี่ยนแปลงไป
Alexis Aik คาดว่า การซื้อขายก๊าซแอลเอ็นจีทั่วโลกอาจจะลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีในปี 2551 โดยลดลงไป 0.3% เหลือประมาณ 172 ล้านเมตริคตัน