ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)แถลงรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับเดือน เม.ย.โดยปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ในปี 52 ลงมาที่ -3.5 ถึง -1.5% จากเดิมคาดไว้ว่าจะขยายตัว 0-2% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวลงมากกว่าที่เคยคาดไว้ และยอมรับว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่จีดีพีในปีนี้จะติดลบไปมากกว่านั้นได้ โดยอาจหดตัวไปถึง 4-5% ตามที่มีผู้คาดการณ์ไว้ หากเศรษฐกิจโลกยังคงทรุดตัวต่อเนื่อง และสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองยังยืดเยื้อต่อไป
ขณะที่คาดการณ์จีดีพีในปี 53 ปรับลดลงมาที่ขยายตัว 1.5-3.5% จากเดิมอยู่ที่ 2-4%
"เหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นยังดีที่สามารถจบได้เร็ว แต่ก็ยังเสี่ยงที่จะมีปัญหา ถ้าเกิดขึ้นอีกที่มองว่าแย่ไปถึง -3.5 ถึง -1.5% ก็จะแย่ลงไปกว่านี้อีก"นางดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. สายนโยบายการเงิน กล่าว
ทั้งนี้ การปรับลดประมาณการจีดีพีมาจากสาเหตุการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ เพราะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ต่อเนื่องถึงการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน โดย ธปท.ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้มาเหลือ -1.2% จากเดิมคาดขยายตัว 0.9%
นางดวงมณี กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะมีการทบทวนการคาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจอีกครั้งในวันที่ 20 พ.ค.ซึ่งจะได้รับทราบข้อมูลต่าง ๆ ที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งผลกระทบจากกสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และข้อมูลที่แท้จริงของภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1/52
สำหรับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงสงกรานต์ แม้จะเกิดความวุ่นวายขึ้น แต่เชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไม่มากนัก เพราะในช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่แล้ว ไม่เหมือนกับผลกระทบจากการปิดสนามบินช่วงปลายปีก่อนที่อยู่ในช่วงไฮซีซั่นจึงทำให้มีผลกระทบค่อนข้างมาก
ธปท.มองว่า ผลกระทบจากปัญหาการเมืองต่อภาพรวมเศรษฐกิจในขณะนี้ยังเห็นไม่ชัดเจนนักว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ดีคือรัฐบาลสามารถยุติเหตุการณ์ความวุ่นวายได้โดยเร็ว จึงน่าจะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้เร็วพอสมควร และยิ่งรัฐบาลกำลังจะเตรียมจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาขึ้นมาอีกครั้งในกลางปีนี้ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นได้มากขึ้นอีก
นางดวงมณี กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ถือว่าดีขึ้นจากปลายปี 51 ที่จีดีพีติดลบไปถึง 6.1% โดยคาดว่าจีดีพีไตรมาส 1/52 หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าก็อาจจะติดลบน้อยลงหรือเข้าสู่สมดุล จากนั้นหากเทียบไตรมาสต่อไตรมาส(q-o-q)ตั้งแต่ไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 4 ก็น่าจะเป็นบวก
แต่หากเทียบปีต่อปี(y-o-y)ก็มองว่าไตรมาสแรกของปีนี้จีดีพีจะติดลบสูงสุด จากนั้นจะค่อยๆ ติดลบน้อยลงในไตรมาส 2/52 และไตรมาส 3/52 ส่วนไตรมาส 4/52 น่าจะพลิกกลับมาเป็นบวก