ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า และข่าวการขาดทุนของมอร์แกน สแตนลีย์ ขณะที่เงินเยนได้รับแรงหนุนหลังจากญี่ปุ่นเปิดเผยยอดส่งออกที่ลดลงน้อยกว่าคาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลง 0.78% เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ระดับ 97.880 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 98.650 เยน/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.26% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1643 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1673 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.49% แตะระดับ 1.2996 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.2933 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์ดิ่งลง 1.32% แตะที่ 1.4477 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4671 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดิ่งลง 0.69% แตะที่ 0.7056 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7105 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 1.32% แตะระดับ 0.5544 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5618 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ดอลลาร์สหรัฐถูกเทขายอย่างหนักเนื่องจากการ IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า หลังจาก IMF ออกรายงาน Global Financial Stability Report (GFFSR) ซึ่งระบุว่าเศรษฐกิจโลกปี 2552 มีแนวโน้มหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี และคาดการณ์ว่าสถาบันการเงินทั่วโลกจะขาดทุนรวมกันราว 2.7 ล้านล้านดอลลาร์เนื่องจากวิกฤตการณ์ในตลาดการเงินซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาในตลาดซับไพรม์ของสหรัฐ
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากมอร์แกน สแตนลีย์ ที่รายงานการขาดทุน 578 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นสถิติที่ขาดทุนติดต่อกัน 2 ไตรมาส พร้อมกับประกาศลดจ่ายเงินปันผล เพราะถูกกระทบอย่างหนักจากภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งข่าวดังกล่าวฉุดดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 82.99 จุด หรือ 1.04% ปิดที่ 7,886.57 จุดด้วย
ส่วนเงินปอนด์ดิ่งลงอย่างหนักหลังจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณในขณะนี้อยู่ที่ 9 หมื่นล้านปอนด์ ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 3 เท่าจากระดับ 3.46 หมื่นล้านปอนด์ในปีก่อน โดยในเดือนมี.ค.เพียงเดือนเดียว ยอดขาดดุลงบประมาณสูงถึง 1.91 หมื่นล้านปอนด์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 1.55 หมื่นล้านปอนด์
ขณะที่เงินเยนได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงการคลังญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนมี.ค.ลดลง 45.6% แต่เป็นสถิติที่ปรับตัวลงน้อยกว่าในเดือนก.พ.ที่ทรุดตัวลงถึง 49.4% และไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่าจะร่วงลง 46.4% ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยของญี่ปุ่นอาจเริ่มบรรเทาลงแล้ว