เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดในยุโรป เตรียมยกเลิกธุรกิจซื้อขายและวิจัยหุ้นในประเทศญี่ปุ่นตามรอยยูบีเอส, โกลด์แมน แซคส์ และซิตี้กรุ๊ป หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในญี่ปุ่น ซึ่งการยกเลิกธุรกิจดังกล่าว จะทำให้เอชเอสบีซีต้องลดพนักงานเกือบ 5% จากจำนวนพนักงานทั้งหมด 1,100 คนในญี่ปุ่น
ในช่วงปีกว่ามาจนถึงเดือนมี.ค.นั้น บริษัทการเงินต่างชาติได้ปลดพนักงานลงไปแล้วประมาณ 4,300 คนในญี่ปุ่น ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งรุนแรงสุดในรอบ 60 ปี โดยเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ดัชนี Topix ของญี่ปุ่นร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2537 และการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติก็หดตัวลงเช่นกัน
บลูมเบิร์กรายงานว่า ลี ยุค คี นักวิเคราะห์ของคอร์-แปซิฟิค ยาไมชิ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า เอชเอสบีซีกำลังหันมาให้ความสำคัญกับตลาดเกิดใหม่อีกครั้ง เนื่องจากแนวโน้มการขยายตัวในตลาดที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่นนั้นเกือบจะมองไม่เห็น ซึ่งถือเป็นสภาพการณ์ที่ไม่สอดคล้องกับกลุยุทธ์ในการทำธุรกิจของเอชเอสบีซี
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศในญี่ปุ่นได้ขายหุ้นที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 2548 ไปแล้วถึง 95% โดยมียอดขายรวม 1.07 หมื่นล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือนก.ค. 2550
พอล อัลเลน โฆษกของเอชเอสบีซีประจำญี่ปุ่น กล่าวว่า บริษัทจะย้ายการดำเนินงานด้านหลักทรัพย์ในญี่ปุ่นไปยังฮ่องกง แต่จะยังคงให้บริการแก่บริษัทของญี่ปุ่นโดยใช้เครือข่ายระดับโลกของเอชเอสบีซี
เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา เอชเอสบีซีได้ลดพนักงาน 100 ตำแหน่งที่ธุรกิจธนาคารในฮ่องกง ซึ่งมีพนักงานอยู่ 1,200 คน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยทำให้ความต้องการใช้บริการบริหารความมั่งคงลดลง นอกจากนี้ เอชเอสบีซียังได้ลดพนักงานในอังกฤษเป็นจำนวน 1,200 ตำแหน่งในเดือนที่แล้ว