นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กมองว่า การทดสอบความสามารถในการรักษาฐานะทางการเงิน (stress test) ของ 19 สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ในสหรัฐซึ่งกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยผลทดสอบในวันจันทร์ที่ 4 พ.ค.นี้ อาจทำให้สถาบันการเงินเหล่านี้ประสบความยากลำบากในการระดมทุนหลังจากเงินกู้หนี้สูญของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่พุ่งขึ้นเกือบ 3 เท่าโดยเฉลี่ยในปีที่แล้ว
กระทรวงการคลังสหรัฐกำลังดำเนินการตรวจสอบ stress test ของ 19 ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ภายในประเทศ เพื่อประเมินว่าสถาบันการเงินแต่ละแห่งมีเงินทุนเพียงพอที่จะรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ โดยสถาบันการเงินเหล่านี้รวมถึง ซิตี้กรุ๊ป, อเมริกัน เอ็กซ์เพรส, แบงก์ ออฟ อเมริกา, โกลด์แมน แซคส์, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, มอร์แกน สแตนลีย์ และธนาคารเวลล์ส ฟาร์โก ซึ่งกระทรวงการคลังจะเปิดเผยผลการตรวจสอบ stress test ในวันที่ 4 พ.ค.นี้
ดักลาส ช็อคค่า นักวิเคราะห์จาก Renaissance Financial Corp กล่าวว่า นักลงทุนไม่มั่นใจที่จะเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินในระยะนี้ เนื่องจากความกังวลที่ว่าผลการทดสอบ stress test จะยิ่งทำให้สถาบันการเงินทั้ง 19 แห่งระดมทุนได้ยากขึ้น ขณะที่ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่าผล stress test ของ 19 สถาบันการเงินจะได้ข้อสรุปว่าธนาคารแต่ละแห่งจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มเนื่องจากเกิดปัญหาเงินทุนไม่พอเพียง
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งสภาคองเกรสว่า ธนาคารส่วนใหญ่มีทุนสำรองเพียงพอที่จะปกป้องการขาดทุนได้ แต่นายเจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวว่า นักวิเคราะห์มองว่าแม้ว่าธนาคารอ้างว่ามีเงินทุนเพียงพอ แต่รัฐบาลก็จำเป็นต้องหาทางระดมทุนให้ธนาคารในที่สุด