นายวีรชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, น้ำมันปาล์มดิบ และมันสำปะหลังปี 51/52 ว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินโครงการแทรกแซงพืชเกษตรทั้ง 3 ชนิดจากคณะทำงานสายตรวจพิเศษในระดับพื้นที่ทั้งจังหวัดที่มีปริมาณรับจำนำสูง และจังหวัดที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยพบว่ามีการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิรับจำนำในไทยจริงทั้งข้าวโพด และมันสำปะหลัง ขณะที่น้ำมันปาล์มยังไม่พบความผิดปกติ
"พบข้อพิรุธว่ามีสถานการณ์เข้ามาสวมสิทธิพอสมควร จากที่คณะทำงาน 12-13 คณะ เข้าไปตรวจสอบ โดยรายงานมายังที่ประชุมแล้ว 5 คณะ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะสามารถรายงานได้ชัดเจนที่สุด การสวมสิทธิที่พบเชื่อว่าเป็นการจงใจ จะมีการตรวจสอบว่าเป็นการทุจริตหรือไม่" นายวีรชัย กล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลได้วางแนวทางในการแก้ไขปัญหาไว้ 2 ระยะ โดยระยะสั้น กรณีตรวจพบความผิดปกติน่าเชื่อได้ว่ามีการทุจริตหรือมีการสวมสิทธิเกษตรกร ได้ส่งเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่มีการตรวจสอบพบ แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว หากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีการทุจริตหรือมีการสวมสิทธิ ให้แจ้งต่อองค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ และรายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการฯ รับทราบ
ส่วนระยะยาว จะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีโครงการรับจำนำเข้าไปดูแลและให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการคิวในการรับจำนำ ให้มีการกระจายผลประโยชน์ที่เป็นธรรมและทั่วถึงให้กับเกษตรกร, ให้กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญในการจดทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน โดยเฉพาะการแจ้งพื้นที่เพาะปลูกควรมีความเข้มงวดในการจดทะเบียนของเกษตรกรและมีการตรวจสถานภาพที่แท้จริงของเกษตรกรทุกราย เนื่องจากหากแจ้งพื้นที่ปลูกไว้เกินจริงจะเป็นช่องทางให้มีการสวมสิทธิเกษตรกรได้ พร้อมกำชับให้กระทรวงพาณิชย์ เข้มงวดตรวจสอบจุดรับจำนำ โดยต้องมีเจ้าหน้าที่ไปประจำตามจุดรับจำนำด้วย