นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า จากการเข้าพบลงทุนและผู้แทนจากภาคธุรกิจของสหรัฐฯ กว่า 25 บริษัท จำนวนประมาณ 150 คน ที่ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีความพร้อมที่จะลงทุนในไทย และสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลให้เร่งสร้างความเชื่อมั่นทางการเมืองและการรักษากรอบกฎหมาย (Rule of Law)
รมว.คลัง กล่าวว่า ระหว่างร่วมงาน Thai Foreign and Finance Ministers Roundtable ซึ่งจัดโดย U.S.-ASEAN Business Council และ Asia Society in Washington ได้ชี้แจงต่อนักลงทุนสหรัฐให้ได้ทราบถึงภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองล่าสุดของไทย รวมทั้งสร้างความเข้าใจในแนวนโยบายของรัฐบาลในการรองรับความเสี่ยงที่สำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง อันเกิดจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจการเงินโลกที่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและภาคการผลิตของประเทศไทย
แต่จากปัญหาความไม่สงบทางการเมืองในประเทศในช่วงที่ผ่านมาได้ทำให้เศรษฐกิจไทยน่าจะหดตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมจากการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและความเชื่อมั่นผู้บริโภคและนักลงทุนที่ลดลง แต่ยังมั่นใจว่า ภาคการเงินของไทยยังคงมีความแข็งแกร่งมากจากการปฏิรูปภาคการเงินในช่วงหลังวิกฤติในปี 40
รมว.คลัง ยังชี้แจงถึงแนวทางที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยด้วยการดำเนินนโยบายการคลังแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ และการให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ โดยรัฐบาลได้อนุมัติกรอบวงเงินลงทุนจำนวน 1.57 ล้านล้านบาทในช่วงปีงบประมาณ 53-55 ซึ่งรัฐบาลจะเน้นการดำเนินโครงการต่างๆ ให้สามารถเกิดขึ้นได้จริงในทางปฏิบัติ และให้ความสำคัญกับการเพิ่มบทบาทความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public Private Partnership:PPP) ให้มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะสูงขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล ทำให้รัฐบาลมีช่องทางใช้นโยบายการคลังแบบผ่อนคลายได้โดยไม่เป็นปัญหากับฐานะการคลังของประเทศ
"หลังจากการชี้แจงข้อมูล นักลงทุนสหรัฐฯ ส่วนใหญ่มีความเห็นคล้ายกันว่า เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยพื้นฐานทางเสถียรภาพที่เข้มแข็ง ซึ่งจะทำให้สามารถฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ แต่จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขความสำเร็จของการปฏิรูปทางการเมืองและการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลให้ประสบความสำเร็จตามที่วางแผนไว้ต่อไป" นายกรณ์ กล่าว