ธนาคารอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงค์ ออฟ ไชน่า (ICBC) ธนาคารรายใหญ่ที่สุดในโลกในแง่มูลค่าการตลาดเปิดเผยผลกำไรไตรมาสแรกที่เพิ่มขึ้น 6.2% จากอานิสงส์ของการปล่อยกู้ที่ขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อัตราหนี้เสียมีจำนวนลดลง
โดยธนาคารกล่าวในแถลงการณ์ว่า รายได้สุทธิไต่ระดับขึ้นแตะที่ 3.515 หมื่นล้านหยวน (5.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือ 0.11 หยวน/หุ้น จากระดับ 3.311 หมื่นล้านหยวน หรือ 0.10 หยวน/หุ้นในปีก่อนหน้านี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์จากโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่า จะอยู่ที่ระดับ 3.36 หมื่นล้านหยวน
เจียง เจียนปิง ประธานของ ICBC เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจของธนาคารที่เลี่ยงการปรับลดมูลค่าทางบัญชีแต่พึ่งวิธีการกระตุ้นเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นราว 6.364 แสนล้านหยวน เพื่อรักษาระดับของรายได้ในระยะยาวในยามที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 10 ปี
"ธนาคารมีการขยายตัวด้านเงินกู้ที่โดดเด่นในไตรมาสแรก" นักวิเคราะห์จาก CSC Securities HK Ltd กล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้ยกเลิกข้อจำกัดด้านการปล่อยเงินกู้และได้ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 5.85 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพ.ย. ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณด้านการพัฒนาถนนและเส้นทางรถไฟ โดยนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีนได้ขอให้ธนาคารเพิ่มการปล่อยสินเชื่อให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านล้านหยวนในปีนี้ เพื่อช่วยป้องกันเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตาม หุ้น ICBC ตกลง 5.9% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นฮ่องกงวันนี้ หลังสื่อรายงานว่า นักลงทุนของอัลลิอันซ์ เอสอี และอเมริกัน เอ็กซ์เพรส โค อาจเทขายหุ้นรวมกัน 2.4% ในธนาคารดังกล่าว