เม็กซิโกอาจต้องถอนเงินจำนวน 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจากบัญชีเงินกู้ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) หลังจากวิกฤตการณ์การระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก (swine flu) ได้ส่งผลกระทบให้ค่าเงินเปโซดิ่งลงหนักสุดในรอบ 6 เดือน
นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์ส ในนิวยอร์กกล่าวว่า การระบาดของเชื้อดังกล่าวได้ทำให้เกิดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจมากขึ้นและสร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินอย่างมาก โดยเมื่อวานนี้เงินเปโซดิ่งลง 5.1% แตะที่ระดับ 14.0505 ดอลลาร์/เปโซ ซึ่งเป็นระดับที่รุนแรงหนักสุดเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงิน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตที่คาดว่ามีสาเหตุจากการติดเชื้อไข้หวัดเม็กซิโกนั้นพุ่งสูงกว่า 100 รายแล้ว
ฟิลิเป คัลเดอรอน ประธานาธิบดีเม็กซิโกได้ขอเงินกู้จาก IMF เพื่อกระตุ้นทุนสำรองเงินต่างประเทศท่ามกลางภาวะซบเซาในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงยอดการส่งเงินคืนกลับประเทศที่ลดลง ตลอดจนการส่งออกไปยังสหรัฐที่ตกต่ำ ขณะเดียวกัน กิลเลอร์โม ออร์ทิซ ผู้ว่าการธนาคารกลางเม็กซิโกกล่าวว่า การปล่อยเงินกู้ของ IMF เปรียบเสมือนเกราะป้องกันภาวะเศรษฐกิจซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลไม่มีแผนการถอนเงินดังกล่าวออกจากบัญชี
วิน ทินห์ นักวิเคราะห์จากบราวน์ บราเธอร์ส แฮร์รี่แมน แอนด์ โคในนิวยอร์กกล่าวว่า เม็กซิโกไม่ควรรีรอที่จะนำเงินดังกล่าวออกมาใช้ หากรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งจำเป็น
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางได้เข้าซื้อเงินเปโซ 400 ล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้เพื่อสกัดกั้นการทรุดตัวของค่าเงิน และใช้ได้เงิน 2.31 หมื่นล้านดอลลาร์ในทุนสำรองเงินต่างประเทศตั้งแต่เดือนต.ค. เพื่อช่วยพยุงค่าเงินอีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม บาร์เคลย์สคาดว่าเงินเปโซจะดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 13.2 ดอลลาร์/เปโซภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จากการสำรวจของบลูมเบิร์กคาดว่าเงินเปโซจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 14 ดอลลาร์/เปโซในช่วงสิ้นปี
ทั้งนี้ เชื้อไวรัส H1N1 หรือไข้หวัดใหญ่ที่มีต้นกำเนิดในเม็กซิโกได้แพร่ระบาดไปยังประเทศต่างๆ อาทิ สหรัฐ สเปน แคนาดา ซึ่งเมื่อวานนี้ทางการเม็กซิโกได้สั่งปิดสถานที่ราชการทั่วประเทศ รวมถึงโรงเรียนหลายแห่ง และสั่งงดการจัดกิจกรรมสาธารณะเพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อดังกล่าว