บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) เตรียมลดพนักงาน 21,000 คนในปีนี้ รวมถึงยกเลิกการทำแบรนด์รถปอนเทียค เพื่อที่จะปรับแผนการปรับโครงสร้างบริษัทให้เข้าตาคณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ภายใต้กำหนดขีดเส้นตายในการปรับปรุงธุรกิจวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งหากบริษัทสามารถดำเนินการได้ทันภายในกำหนดการณ์ดังกล่าว บริษัทก็จะได้รับเงินกู้จากรัฐบาลเพื่อนำมาพยุงกิจการให้รอดพ้นจากการยื่นขอคุ้มครองจากการล้มละลาย
จีเอ็มวางแผนเลิกทำธุรกิจรถปอนเทียคในช่วงสิ้นปี 2553 โดยบริษัทจะหันมาให้ความสำคัญกับรถเชฟโรเล็ต คาดิลแลค บูอิค และจีเอ็มซี นอกจากนี้ บริษัทยังหวังว่าจะสามารถลดหนี้สินลงได้ด้วยการชักชวนผู้ถือพันธบัตรสว็อปพันธบัตรมูลค่า 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 1.9 หมื่นล้านปอนด์เป็นหุ้นแทน
บีบีซีรายงานว่า แผนการปลดพนักงานดังกล่าวนับรวมแผนการลดพนักงาน 8,000 คนที่ได้เสนอในแผนต่อรัฐบาลเมื่อวันที่ 17 ก.พ.ด้วยเช่นกัน ซึ่งการลดจำนวนพนักงานดังกล่าวจะทำให้พนักงานของบริษัทที่เป็นชาวอเมริกันลดลงไปเหลือ 40,000 ราย จากเดิมที่ 61,000 ราย
นอกจากนี้ จีเอ้มยังต้องการให้รัฐบาลสว็อปเงินกู้ครึ่งหนึ่งเป็นหุ้นสัดส่วน 50% ด้วยเช่นกัน
ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้ปล่อยเงินกู้ให้กับจีเอ็มแล้ว 1.54 หมื่นล้านดอลลาร์
ฟริทซ์ เฮนเดอร์สัน ประธานบริหารของจีเอ็ม กล่าวว่า การยกเลิกทำแบรนด์ปอนเทียคถือเป็นเรื่องที่ลำบากสำหรับการตัดสินใจ เนื่องจากปอนเทียคมีอายุยาวนานอยู่คู่กับบริษัทมาถึง 83 ปี แต่บริษัทก็ไม่สามารถทำตลาดรถรุ่นนี้ให้กลับมาทำกำไรได้
ปอนเทียคเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับรถรุ่นไฟร์เบิร์ด และทรานส์ แอม อีกทั้งรุ่นจีทีโอ ก็ยังเป็นแรงบันดาลใจให้นักดนตรีอย่างบีช บอยส์ เดย์โทนาส์ แต่งเพลงออกมาหลายเพลง