ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินคาดการณ์ว่า สายการบินในสหรัฐซึ่งถูกกระทบอยู่แล้วจากดีมานด์เที่ยวบินทั้งในและต่างประเทศที่หดตัวลง อาจได้รับผลกระทบหนักขึ้นจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก (swine flu) โดยทางการสหรัฐยืนยันว่าขณะนี้พบผู้ติดเชื้อในประเทศแล้ว 40 ราย พร้อมกับแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปเม็กซิโกหากไม่จำเป็น ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสายการบินหลายแห่ง รวมถึงเดลต้า แอร์ไลน์ส และอเมริกัน แอร์ไลน์ส
"อุตสาหกรรมสายการบินอยู่ในภาวะเปราะบางเนื่องจากมาร์จิ้นที่เดิมก็น้อยอยู่แล้วนั้น มีแนวโน้มว่าจะน้อยลงอีกเพราะจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศน้อยลง และการแพร่ระบาดของไข้หวัดเม็กซิโกจะยิ่งทำให้จำนวนเที่ยวบินหดตัวลงอีก" ไมเคิล โรช ที่ปรึกษาด้านธุรกิจการบินจากเมืองซานฟรานซิสโกกล่าว
ขณะที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) กล่าวว่า สายการบินทั่วโลกอาจเผชิญผลกระทบจากไข้หวัดเม็กซิโกในรูปแบบที่ไม่ต่างไปจากเมื่อครั้งที่โรคซาร์สระบาดในปีพ.ศ.2546 ซึ่งการระบาดครั้งนั้นธุรกิจสายการบินในเอเชีย รวมถึงคาเธ่ย์ แปซิฟิก แอร์เวยส์ มียอดการเดินทางที่ร่วงลง
"แม้ไวรัสไข้หวัดเม็กซิโกยังไม่รุนแรงเท่าโรคซาร์ส แต่เราเชื่อว่าสายการบินทั่วโลกจะตกอยู่ในความเสี่ยงที่ต้องเผชิญกับจำนวนเที่ยวบินที่ลดฮวบลง เนื่องจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการกักกันและตั้งจุดตรวจผู้โดยสาร" ฟิลิป แบกกาลีย์ นักวิเคราะห์ของ S&P ในนิวยอร์กกล่าว
ในบรรดาสายการบินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐนั้น คอนติเนนตัล แอร์ไลน์ส มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในตลาดการบินฝั่งอเมริกากลาง โดยให้บริการกว่า 500 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ใน 29 เมืองหลักๆของเม็กซิโก ขณะที่อลาสก้า แอร์ กรุ๊ป มีส่วนแบ่งตลาด 6% ส่วนเดลต้าและยูเอส แอร์เวยส์ มีส่วนแบ่งรายละ 3%
ข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดเม็กซิโกส่งผลให้ราคาหุ้นยูเอส แอร์เวย์สร่วงลง 17% ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ขณะที่หุ้นคอนติเนนตัล ดิ่งลง 16% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 14% และหุ้นอลาสก้า แอร์ กรุ๊ป ดิ่งลง 7.1% สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน