กระทรวงการค้าญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดขายปลีกเดือนมี.ค.ร่วงลง 3.9% จากระดับปีที่แล้ว นับเป็นสถิติที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากตลาดงานส่อแววซบเซา ค่าแรงลดลง และภาคครัวเรือนลดปริมาณการใช้จ่ายลง
-- ยอดขายยาต้านไวรัส หน้ากากอนามัย และถุงมืออนามัยในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกแพร่ระบาดทั่วอเมริกาเหนือ โดยบริษัท ซีวีเอส แคร์มาร์ค และบริษัท ไรท์ เ อด คอร์ป ซึ่งเป็นห้างจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐได้เพิ่มออเดอร์ยาทามิฟลูจากบริษัท โรช โฮลดิ้ง ขณะที่บริษัท 3M และบริษัท อัลฟา โปร เทค เร่งผลิตหน้ากากอนามัยเพื่อให้เพียงพอต่อดีมานด์ที่พุ่งสูงขึ้น
-- ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกาหลีใต้ในเดือนเม.ย.ไต่ขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน จากอานิสงส์ของการซื้อขายในตลาดหุ้นที่คึกคัก รวมถึงการที่รัฐบาลใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ควบคู่กับการลดอัตราดอกเบี้ยลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
-- ศูนย์สังเกตการณ์ด้านธรณีวิทยาของสหรัฐรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6 ริกเตอร์ในเมืองเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก ซึ่งสร้างแรงกดดันให้กับเม็กซิโกที่กำลังเผชิญปัญหาอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก
-- กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษยืนยันวานนี้ว่า มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกแล้ว 2 รายในสกอตแลนด์ ซึ่งนับเป็นกรณีติดเชื่อไข้หวัดดังกล่าวเป็นรายแรกในสหราชอาณาจักร สำหรับผู้ติดเชื้อทั้งคู่กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลและกำลังมีอาการดีขึ้นตามลำดับ โดยผู้ป่วยได้รับเชื้อหลังจากที่เดินทางไปท่องเที่ยวช่วงวันหยุดในเม็กซิโก
-- ฮ่องกงเตรียมตรวจร่างกายชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในฮ่องกงอย่างละเอียด เพื่อป้องกันมิให้ผู้ที่เป็นไข้หวัดเม็กซิโก รวมถึงผู้ที่มีไข้และมีปัญหาระบบทางเดินหายใจเข้าสู่ฮ่องกง
-- เวียดนามเปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ เวียดนามได้ส่งออกข้าวไปต่างประเทศในปริมาณเกือบ 2.5 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 50% ในแง่ของปริมาณ และ 44% ในแง่ของมูลค่า เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และจนถึงขณะนี้ เวียดนามได้เซ็นสัญญาส่งออกข้าว 4 ล้านตัน จากที่ตั้งเป้าไว้ตลอดทั้งปีที่ 5 ล้านตัน
อย่างไรก็ตาม สมาคมอาหารเวียดนามเปิดเผยว่า แม้ตัวเลขส่งออกข้าวในช่วง 3-4 เดือนแรกของปีนี้จะส่งสัญญาณบวกสำหรับผู้ส่งออกในประเทศท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ แต่ราคาข้าวส่งออกกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง
-- บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) เตรียมลดพนักงาน 21,000 คนในปีนี้ รวมถึงยกเลิกการทำแบรนด์รถปอนเทียค เพื่อที่จะปรับแผนการปรับโครงสร้างบริษัทให้เข้าตาคณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ภายใต้กำหนดขีดเส้นตายในการปรับปรุงธุรกิจวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งหากบริษัทสามารถดำเนินการได้ทันภายในกำหนดการณ์ดังกล่าว บริษัทก็จะได้รับเงินกู้จากรัฐบาลเพื่อนำมาพยุงกิจการให้รอดพ้นจากการยื่นขอคุ้มครองจากการล้มละลาย
-- เดนโซ่ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น คาดการณ์ว่า บริษัทจะขาดทุนเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอยส่งผลกระทบดีมานด์จากบริษัทรถชั้นนำอย่างโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป และค่ายรถอื่นๆ โดยบริษัทอาจจะขาดทุน 1.9 หมื่นล้านเยน (197 ล้านดอลลาร์) ในปีงบการเงิน 2552 ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2553 เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขาดทุนในปีงบก่อนหน้านี้ที่ 8.41 หมื่นล้านเยน ส่วนยอดขายคาดว่าจะร่วงลง 13% แตะ 2.7 ล้านล้านเยน
-- ปิโตรไชน่า ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก เผยกำไรร่วง 35% แตะ 1.89 หมื่นล้านหยวน หรือ 2.8 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 2.93 หมื่นล้านหยวนในปีที่แล้ว นับเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่บลูมเบิร์กได้สำรวจความคิดเห็นและคาดว่าจะอยู่ที่ 1.95 หมื่นล้านหยวน
-- ฮอนด้า มอเตอร์ โค ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทประจำปีงบการเงิน 2551 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ดิ่งลง 77.2% จากปีก่อนหน้า แตะ 1.37 แสนล้านเยน เนื่องจากยอดขายที่ซบเซาอย่างหนักท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
-- โฮเซ อังเกล คอร์โดบา รมว.สาธารณสุขเม็กซิโกออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า รัฐบาลเม็กซิโกได้สั่งการให้โรงเรียนทุกแห่งทั่วประเทศปิดการเรียนการสอน พร้อมกับเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังไวรัสไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก (swine flu) นอกจากนี้ คอร์โดบาคาดการณ์ว่ายอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสชนิดนี้จะพุ่งเป็น 152 ราย
-- บริษัท นิปปอน สตีล เปิดเผยว่า กำไรสุทธิในปีงบประมาณ 2551 ร่วง 56.3% เหลือ 1.55 แสนล้านเยน เนื่องจากความต้องการซื้อรถและสินค้าอื่นๆที่ดิ่งลงอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
-- ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ เตรียมขายธุรกิจของบริษัทในเครืออย่าง นิกโก คอร์เดียล ซีเคียวริตีส์ อิงค์ และ นิกโก ซิตี้กรุ๊ป ลิมิเต็ด ในญี่ปุ่น ให้กับ ซูมิโตโม่ มิตซุย ไฟแนนเชียล กรุ๊ป อิงค์ ด้วยมูลค่ากว่า 5 แสนล้านเยน (5.2 พันล้านดอลลาร์)