บริษัท แกล็กโซสมิธไคลน์ และโรช โฮลดิ้ง ได้เร่งการผลิตยาต้านไวรัสรวมทั้งวัคซีนแล้ว หลังจากที่หลายฝ่ายวิตกกังวลว่า การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก (swine flu) จะแพร่ระบาดมากไปกว่านี้ หลังจากที่ไข้หวัดเม็กซิโกแพร่กระจายในเม็กซิโก สหรัฐ และแคนาดา จนทำให้เกิดความกังวลว่า จะเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่เป็นครั้งแรก รับตั้งแต่ที่เคยเกิดไข้หวัดใหญ่ระบาดในฮ่องกงเมื่อปี 2511 และทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ล้านคนทั่วโลก
แกล็กโซสมิธไคลน์ได้เพิ่มการผลิต Relenza ซึ่งเป็นยารักษาไข้หวัดใหญ่แล้วในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่มาร์ติน่า รัพพ์ โฆษกของโร้ชก็ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทได้ผลิตยาทามิฟลูเพิ่มขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ดี แม้ว่าทั้ง 2 บริษัทจะเร่งผลิตยาต้านไวรัสดังกล่าว แต่การผลิตวัคซีนนั้นต้องใช้เวลานาน ออธมาร์ เอนเกลฮาร์ด นักไวรัสวิทยาของสถาบันมาตรฐานและการควบคุมชีวภาพแห่งชาติของอังกฤษ กล่าวว่า การผลิตวัคซีนคงจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง หรืออย่างน้อย 4 เดือน และวัคซีนที่ผลิตออกมาได้ก็จะไม่ได้มีปริมาณมาก
ทางด้านปาสคาล บาโรลิเออร์ โฆษกของฝ่ายวัคซีนของซาโนฟี-อเวนตีส ระบุว่า พร้อมที่จะร่วมงานกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกหากได้รับการร้องขอ ซึ่งการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกนั้นจะต้องใช้เวลาประมาณ 4 เดือน
คริสโตเฟอร์ โบนา โฆษกของแบ็กซ์เตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งผลิตวัคซีนโรคที่ระบาดตามฤดูกาลและระบาดทั่วไป กล่าวว่า บริษัทได้ขอตัวอย่างไวรัสไข้หวัดเม็กซิโก เพื่อนำมาทดสอบในห้องทดลอง โดยเทคโนโลยีเวโร่-เซลล์ของแบ็กซ์เตอร์สามารถใช้ผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้โดยใช้เวลาประมาณครึ่งหนึ่งของการผลิตดั้งเดิม ซึ่งใช้เวลาประมาณ 24 สัปดาห์
โฆษกของแบ็กซ์เตอร์ กล่าวว่า แบ็กซ์เตอร์มีความเชี่ยวชาญในการผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่ แต่ปฏิเสธที่จะระบุถึงระยะเวลาที่บริษัทจะพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกแบบชนิดที่พร้อมป้อนสู่ระบบการผลิต
เจเน็ท นาโพลิทาโน่ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ กล่าวว่า ยารักษา 25% ที่มีการนำมาใช้นั้นมาจากคลังยาของสหรัฐ ซึ่งมีทั้งหมด 50 ล้านคอร์ส ซึ่งรวมถึงยาทามิฟลูและ Relenza