ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโร ปอนด์ และฟรังค์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสกุลเงินดอลลาร์หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีเกินคาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยผลการประชุมในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลง 0.25% เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ระดับ 96.390 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 96.630 เยน/ดอลลาร์ และค่าเงินฟรังค์สวิสร่วงลง 1.13% แตะระดับ 1.1434 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1565 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.94% แตะระดับ 1.3140 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3018 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์ขยับขึ้น 0.05% แตะระดับ 1.4628 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4620 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.35% แตะระดับ 0.7069 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7094 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 1.06% แตะระดับ 0.5585 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5645 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักลงทุนถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐน้อยลงเพราะมองว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในไม่ช้า หลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนเม.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับ 39.2 จุด จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 26.9 จุด ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 29.8 จุด
ขณะที่ ABC News เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นสู่ระดับ -45 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปีนี้ แม้ยังคงอยู่ในระดับที่ติดลบ เมื่อเทียบกับระดับ -47 ในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
S&P/Case-Shiller เปิดเผยว่า ราคาบ้านเดี่ยวในสหรัฐร่วงลง 18.6% ในเดือนก.พ. จากระดับในเดือนก.พ.ปีที่แล้ว หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้มาตรกดดันอัตราดอกเบี้ยกู้จำนองให้ปรับตัวลดลงเพื่อกระตุ้นแรงซื้อของประชาชน และหลังจากรัฐบาลใช้มาตรการเพิ่มยอดขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์
นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดซึ่งมีขึ้นในวันที่ 28-29 เม.ย. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่ 0-0.25%
เฟดเปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขต ว่า เศรษฐกิจสหรัฐซึ่งทรุดตัวลงอย่างหนักตั้งแต่ปีที่แล้วนั้น มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นด้วย
การเปิดเผยรายงาน Beige Book ของเฟดมีขึ้นหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 5.1% แตะระดับ 4.72 ล้านยูนิต สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.จะร่วงลง 0.9% แตะระดับ 4.45 ล้านยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเริ่มรวบรวมข้อมูลในปีพ.ศ.2543