นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้จะหดตัวลง 4.7% ต่อปี เนื่องจากภาคเอกชนลดการจ้างงาน ลดการสต็อกสินค้า และลดการใช้จ่าย
ไมเคิล เฟโรลี นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวว่า ภาคเอกชนลดการสต็อกสินค้าเพราะต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นก่อนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังลดการจ้างงานและการใช้จ่าย จึงทำให้จีดีพีไตรมาสแรกหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.9%ต่อปีในไตรมาสแรก ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาสแรกในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย
ส่วนจีดีพีไตรมาส 4 ปี 2551 หดตัวลง 6.3% ต่อปี เป็นสถิติที่หดตัวลงครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปีพ.ศ.2525 ซึ่งเป็นผลมาจากการร่วงลงของยอดส่งออก ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค และอัตราการลงทุนในทุกภาคส่วน รวมถึงการลงทุนด้านอุปกรณ์และซอฟท์แวร์ แม้รัฐบาลสหรัฐพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในภาคเอกชนก็ตาม"
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัว 2.6%ในปีพ.ศ.2552 มากกว่าเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัวลงเพียง 1.6% ซึ่งการทบทวนตัวเลขคาดการณ์ของไอเอ็มเอฟมีขึ้นหลังจากธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะหดตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และคาดว่าการค้าทั่วโลกจะถดถอยลงรุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน