อาร์เซลอร์ มิตคาล บริษัทเหล็กรายใหญ่สุดของโลกเผยไตรมาสแรกปีนี้ขาดทุน 1.06 พันล้านดอลลาร์ หรือ 78 เซนต์ต่อหุ้น จากระดับรายได้ปีที่แล้ว 2.37 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.68 ดอลลาร์ นับเป็นการขาดทุนติดต่อกัน 2 ไตรมาส หลังจากที่ราคาเหล็กร่วงลงและบริษัทได้ลดผลผลิตลงถึง 45% ซึ่งตัวเลขขาดทุนดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ที่บลูมเบิร์กได้สำรวจความคิดเห็นและคาดการณ์ว่า จะอยู่ที่ 594 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายดิ่งลง 49% แตะ 1.51 หมื่นล้านดอลลาร์
อาร์เซลอร์ ได้ลดผลผลิตลงหลังจากที่เศรษฐกิจโลกหดตัวและดีมานด์สินค้าร่วง ยอดสั่งซื้อสินค้าที่อ่อนตัวลงจากกลุ่มบริษัทรถและก่อสร้างทำให้ราคาเหล็กทั่วโลกดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี และการใช้งานในปีนี้คาดว่า จะอ่อนตัวลง 15%
ลัษมี มิตตาล ซีอีโออาร์เซลอร์ มิตตาล กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า สถานการณ์ในตลาดยังคงท้าทายอยู่
อาร์เซลอร์ได้ใช้งบประมาณกับการซื้อกิจการต่างๆไป 3.8 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้ว เนื่องจากบริษัทต้องการอำนาจในการควบคุมซัพพลายสินแร่เหล็กและถ่านหินโค้กมากขึ้น ซึ่งวัตถุดิบดังกล่าวราคาสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว อาร์เซลอร์ได้ซื้อธุรกิจเหมืองสินแร่เหล็กของลอนดอน ไมน์นิ่งที่บราซิลไปเมื่อเดือนส.ค. 809.9 ล้านดอลลาร์ และซื้อบายู สตีล คอร์ป ผู้ผลิตเหล็กในหลุยเซียน่าและเทนเนสซีไปเมื่อเดือนมิ.ย.มูลค่า 475 ล้านดอลลาร์
ราคาเหล็กดิ้งลงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยเหล็กม้วนรีดร้อนที่ใช้ในการผลิตและก่อสร้างร่วงลง 56% หลังจากที่ดีดตัวสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 815 ยูโรต่อเมตริคตัน หรือ 1,076 ดอลลาร์ต่อเมตริคตัน ในเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว
ยูโรเฟอร์รายงานว่า ดีมานด์เหล็กในกลุ่มสหภาพยุโรปหรืออียู คิดเป็นสัดส่วนของยอดขายของอาร์เซเลอร์ 54% ในปีที่แล้วนั้น คาดว่าจะร่วงลงถึง 45% ในช่วงครึ่งปีแรก