ยอดค้าปลีกของยุโรปเดือนเม.ย.เริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยทำสถิติลงลงน้อยที่สุดในรอบ 11 เดือน จากอานิสงส์ของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลที่ช่วยหนุนให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวดีขึ้น
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของบลูมเบิร์กที่จัดทำโดยมาร์กิท อีโคโนมิกส์ผ่านการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารกว่า 1,000 คนปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 48.4 จุด จาก 44.1 จุดในเดือนมี.ค. แต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะตกต่ำนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.
ยอดค้าปลีกในเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปชะลอการปรับตัวลดลงนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2551 เช่นเดียวกับยอดค้าปลีกในอิตาลี และฝรั่งเศสที่ปรับตัวลดลงไม่มากนัก
ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในฝรั่งเศสและอิตาลีพุ่งสูงเกินคาดในเดือนเม.ย. ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเยอรมนีย่ำฐานทรงตัวที่ระดับเดิม
ทั้งนี้ หลายประเทศในยุโรปได้หาทางกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้มาตรการต่างๆ เช่นการลดหย่อนภาษี และการเพิ่มแรงจูงใจในการแจกเงินช่วยเหลือเพื่อใช้ซื้อรถยนต์และเครื่องใช้ภายในบ้าน โดยมีเป้าหมายที่จะต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำหนักสุดนับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนการชะลอตัวของเงินเฟ้ออาจช่วยให้ภาคครัวเรือนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจทำให้บรรยากาศโดยรวมดีขึ้นได้มากนัก เนื่องจากอัตราว่างงานยังคงพุ่งสูง
"การใช้จ่ายผู้บริโภคฟื้นตัวขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับอานิงส์จากมาตรการจูงใจของรัฐบาล" นิค คูนิส นักวิเคราะห์จากฟอร์ติส แบงก์กล่าว "แต่อัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้นจะเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ"