รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยว่า ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้(ม.ค.-มี.ค.52) มียอดรวม 228 ราย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 317 ราย ขณะที่เงินลงทุน 122,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 115,200 ล้านบาท
ด้านเงินทุนจดทะเบียน(ม.ค.-มี.ค.52)อยู่ที่ 27,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 23,500 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่การจ้างงานลดลงมาก โดยในช่วงม.ค.-มี.ค.52 อยู่ที่ 15,847 คน จาก 63,213 คน
สำหรับประเทศที่ยื่นขอรับโครงการลงทุนสูงสุด คือ ญี่ปุ่น 56 ราย รองลงมาเป็น ยุโรป, สิงคโปร์, อเมริกา, ไต้หวัน และฮ่องกง
ประเภทธุรกิจที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด คือ ธุรกิจบริการและสาธารณูปโภค 71 โครงการ รองลงมา คือ การผลิตอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง แต่หากพิจารณาจากมูลค่าเงินลงทุนแล้ว จะพบว่า ธุรกิจบริการและสาธารณูปโภค มีเงินลงทุนสูงสุด 99,800 ล้านบาท รองลงมา คือ การผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง และการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง
ส่วนยอดอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ มีทั้งสิ้น 213 ราย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 274 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 32,400 ล้านบาท มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 4,600 ล้านบาท