สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงปิดที่ระดับต่ำกว่า 900 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (30 เม.ย.) เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆ อีกทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้นักลงทุนหันกลับไปเทรดหุ้น แทนการซื้อทองคำ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 891.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 9.30 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 880.10 - 900.80
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 12.325 ดอลลาร์ ร่วงลง 45.0 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 4.25 เซนต์ ปิดที่ 2.0475 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 1,106.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 20 เซนต์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมเดือนมิ.ย.ปิดที่ 218.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 4.80 ดอลลาร์
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า จังหวะการถดถอยของเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลงแล้ว หลังจากที่ในระยะหลังได้เริ่มมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นบวกมากขึ้น รวมถึงผลประกอบการของธนาคารและบริษัทเอกชนหลายแห่งที่ดีเกิดคาด ซึ่งส่งสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น และหันกลับไปซื้อหุ้น แทนการซื้อทองคำที่มักถูกมองว่าเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจผันผวน
โดยวานนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เดินหน้าขึ้นในช่วงเช้าขานรับข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่รายงานว่า จำนวนผู้ตกงานใหม่ที่ลงทะเบียนขอรับสวัสดิการคนว่างงานลดลง 14,000 เหลือ 631,000 รายในสัปดาห์ก่อน สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดัชนีแกว่งตัวลดลงในช่วงบ่าย หลังจากที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาออกมาแถลงยืนยันในตอนเที่ยงว่า ไครสเลอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐ ตัดสินใจยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลายต่อศาลภายใต้กฎหมายล้มละลายมาตรา 11 (Chapter 11) เพื่อเปิดทางให้มีการปรับโครงสร้างบริษัท ซึ่งรวมถึงการจับมือเป็นพันธมิตรกับ เฟียต กรุ๊ป เอสพีเอ ค่ายรถจากอิตาลี
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้รายงานว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคลดลง 0.2% ในเดือนมี.ค. ซึ่งแย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมินไว้ว่าจะลดลงแค่ 0.1%