ไครสเลอร์ แอลแอลซี บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญอันดับ 3 ของสหรัฐ ประกาศว่า บริษัทได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลายตามมาตรา 11 ซึ่งถือเป็นรายแรกในบรรดา 3 ค่ายรถยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ (Big Three) ที่ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย
โดยก่อนหน้าที่ไครสเลอร์จะออกแถลงการณ์แจ้งเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นทางการนั้น ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ก็ได้ออกมากล่าวให้การสนับสนุนการตัดสินใจของไครสเลอร์ เนื่องจากเชื่อว่าจะเป็นหนทางที่ช่วยให้บริษัทสามารถกลับมาฟื้นกิจการได้อีกครั้ง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่การเจรจาระหว่างไครสเลอร์และเจ้าหนี้เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาประสบความล้มเหลว โดยในแถลงการณ์ของไครสเลอร์ระบุว่า บริษัทไม่สามารถได้รับความยินยอมจากเจ้าหนี้ทุกรายของบริษัทเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการล้มละลายได้ ส่งผลให้ไครสเลอร์และธุรกิจย่อยในสหรัฐทั้ง 24 แห่ง ต้องยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ต่อศาลล้มละลายในนิวยอร์ก
ทั้งนี้ กฎหมายล้มละลายมาตรา 11 (Chapter 11 of the Bankruptcy Code) จะช่วยคุ้มครองบริษัทจากเจ้าหนี้ กล่าวคือจะช่วยให้ไครสเลอร์สามารถปรับโครงสร้างหนี้ ในขณะที่ไม่ต้องปิดกิจการ
นอกจากนี้ การยื่นขอล้มละลายจะเปิดทางให้ไครสเลอร์ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นมูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์ โดยรัฐบาลจะทำหน้าที่ผู้ลงทุนให้กับบริษัทและจะช่วยเลือกผู้บริหารคนใหม่ แต่จะไม่เข้าไปก้าวก่ายด้านการบริหาร ขณะที่ศาลจะทำหน้าที่ตัดสินเรื่องการคืนเงินแก่บรรดาเจ้าหนี้
พร้อมกันนี้ ไครสเลอร์ยังได้ประกาศด้วยว่า บริษัทบรรลุข้อตกลงในหลักการเพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกกับค่ายรถอิตาลี เฟียต เอสพีเอ โดยภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวนั้น ไครสเลอร์และเฟียตจะจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นเพื่อดึงเอาแผนการผลิตและฐานซัพพลายเออร์ระดับโลกของแต่ละบริษัทมาใช้ได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งได้เปิดโอกาสขยายตลาดใหม่ๆ นอกจากนี้ ส่วนประกอบรถยนต์และตัวส่งกำลังเครื่องยนต์ของเฟียตจะย้ายมาผลิตที่โรงงานของไครสเลอร์ด้วย
ด้านโรเบิร์ต นาร์เดลลี ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอของไครสเลอร์เมื่อสองปีก่อน กล่าวว่า เขาจะลาออกเมื่อบริษัทพ้นจากภาวะล้มละลาย