ธนาคารกลางออสเตรเลียอาจยุติการลดดอกเบี้ยในเร็ววันนี้ หลังจากที่เกลนน์ สตีเวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลาง เริ่มหันไปให้ความสำคัญกับปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดจากการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มสูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 49 ปี
สตีเวนส์กล่าวว่าจนถึงตอนนี้ออสเตรเลียยังไม่ได้เห็นผลกระทบทั้งหมดที่เกิดจากการลดดอกเบี้ย 6 ครั้ง และการที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณกว่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (6.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การรับประกันตลาดตราสารหนี้ และการช่วยเหลือผู้บริโภค ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว
แม้เศรษฐกิจออสเตรเลียจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี แต่สตีเวนส์เชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลดดอกเบี้ย และเศรษฐกิจจีนที่เริ่มฟื้นตัว จะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศในปีนี้ และเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วมีรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อออสเตรเลียไตรมาสแรกอยู่เหนือระดับที่ธนาคารกลางตั้งเป้าไว้ในช่วง 2-3%
"เมื่อพิจารณาในระยะยาว เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับอัตราเงินเฟ้อ" อดัม คาร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากบริษัท ICAP Australia Ltd. ในซิดนีย์ กล่าว "และหนทางที่ดีที่สุดในการรักษาระดับเงินเฟ้อคือ การเลิกใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนที่เศรษฐกิจจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง"
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันในไตรมาสแรก โดยในวันนี้เงินดอลลาร์ออสเตรเลียซื้อขายอยู่ที่ระดับ 73.85 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย ณ เวลา 9.29 น.ตามเวลาซิดนีย์ หรืออ่อนค่าลงกว่า 25% จากระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี ที่ 98.50 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลียเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ปีที่แล้ว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน