สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารของสหรัฐว่า ผลทดสอบความสามารถในการรักษาฐานะทางการเงิน (stress test) ของ 19 ธนาคารยักษ์ใหญ่ในสหรัฐนั้นชี้ว่า แบงค์ ออฟ อเมริกา มีความจำเป็นต้องระดมทุนมากที่สุดในบรรดาธนาคารทั้ง 19 แห่ง
ขณะที่ซิตี้กรุ๊ปถูกระบุว่าภาวะขาดแคลนเงินทุนเริ่มทุเลาลงเนื่องจากธนาคารวางแผนไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า จะแปลงหุ้นบุริมสิทธิ์เป็นหุ้นสามัญในเร็วๆนี้ ขณะที่เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ยังไม่จำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มแม้ธนาคารมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนในอีก 2 ปีข้างหน้าก็ตาม
แหล่งข่าวระบุว่า ธนาคารหลายแห่งในสหรัฐเตรียมร่างกลยุทธ์การเพิ่มทุน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยผลทดสอบ stress test ในวันพฤหัสบดีที่ 7 พ.ค.นี้ โดยธนาคารที่ถูกระบุว่าต้องเพิ่มทุนจะสามารถระดมทุนผ่านทางการแปลงหุ้นบุริมสิทธิ์เป็นหุ้นสามัญ
ส่วนธนาคารที่ไม่ต้องการรับเงินอัดฉีดจากรัฐบาลสหรัฐจะต้องแสดงให้เห็นว่า สามารถออกตราสารหนี้ให้กับนักลงทุนทั่วไปโดยไม่ต้องให้บรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (Federal Deposit Insurance Corp:FDIC) รับประกันตราสารหนี้ นอกจากนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยเงื่อนไขการชำระเงินคืนให้กับโครงการลดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) ให้ธนาคารต่างๆทราบในวันพรุ่งนี้
ข่าวการเพิ่มทุนของแบงค์ ออฟ อเมริกา ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ล่วงหน้า ร่วงลง 1.2% แตะระดับ 892.40 จุด และดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าดิ่งลง 1.1% ในช่วงเช้าวันนี้
อย่างไรก็ตาม นายสก็อต ซิลเวสทรี โฆษกแบงค์ ออฟ อเมริกา ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับข่าวดังกล่าว และในการประชุมประจำปีของแบงค์ ออฟ อเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายเคนเนธ เลวิส ซีอีโอของธนาคารก็ปฏิเสธที่จะกล่าวถึงการทดสอบ stress test เช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา นายเลวิสให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า "ผมคิดว่าแบงค์ ออฟ อเมริกายังไม่จำเป็นต้องระดมทุนเพิ่ม"