เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินเยนในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราเช้าวันนี้ ท่ามกลางกระแสกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรปอาจปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเงินกู้มากขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจหลังดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมี.ค.ตกลงหนักสุดในรอบ 22 ปี
ด้านเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ในรอบเกือบ 4 เดือน หลังตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐซบเซา ขณะที่อุปสงค์เงินดอลลาร์อาจชะลอตัวหลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเตือนว่า ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของสหรัฐอาจสิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งจะบั่นทอนความต้องการถือครองเงินดอลลาร์ที่นักลงทุนมองว่าเป็นแหล่งสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยงในยามที่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 07:41 น.ตามเวลาสิงคโปร์ เงินยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3287 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3330 ดอลลาร์/ยูโรที่ตลาดนิวยอร์กวานนี้ ขณะที่เงินยูโรลดลงสู่ระดับ 131.26 เยน/ยูโร จากระดับ 131.73 เยน/ยูโร ด้านเงินดอลลาร์ซื้อขายกันที่ 98.80 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 98.82 เยน/ดอลลาร์ และเทรดที่ 1.1354 ฟรังก์สวิส/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1322 ฟรังก์สวิส/ดอลลาร์
ด้านเงินปอนด์เคลื่อนไหวที่ 1.5034 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5090 ดอลลาร์/ปอนด์ที่ตลาดนิวยอร์กวานนี้ หลังจากที่ Royal Institution of Chartered Surveyors เปิดเผยถึงความต้องการใช้สำนักงานและร้านค้าปลีกในอังกฤษที่ดีขึ้นในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งภาวะดังกล่าวยิ่งตอกย้ำให้มีการคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำกำลังคลี่คลายลง
อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราวันนี้ค่อนข้างเหงียบเหงากว่าปกติ เพราะเป็นวันหยุดในเทศกาลโกลเด้นวีคของญี่ปุ่น
ฌอน คาลโลว์ นักวิเคราะห์จากเวสท์แพค แบงกิ้ง คอร์ป ในซิดนีย์กล่าวว่า "ธนาคารกลางยุโรปจะประกาศมาตรการบางอย่าง ซึ่งในแง่ของมาตรการกำหนดนโนบายนั้น จะมีการหารือถึงการนโยบายบางข้อที่อาจทำให้เงินยูโรอ่อนค่าลง"
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรปอาจปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ลงสู่ระดับ 1% ในวันพรุ่งนี้