นายอลิสแตร์ ดาร์ลิ่ง รัฐมนตรีคลังอังกฤษเปิดเผยว่า สถานการณ์ของตลาดในประเทศยังมีความแข็งแกร่งและมีเกราะป้องกันผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก เนื่องจากมีข้อบังคับด้านการกำกับดูแลตลาดที่รัดกุม
"ในอีก 10-15 ปี ภาคธุรกิจบริการด้านการเงินจะมีบทบาทสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาซึ่งจะเผชิญปัญหาท้าทายในอีกไม่กี่ 10 ปีต่อจากนี้ ดังนั้น อังกฤษจำเป็นต้องให้ความร่วมมือกับกลุ่มประเทศเหล่านี้" ดาร์ลิ่งกล่าว
ทั้งนี้ ดาร์ลิ่งกล่าวว่า ตลาดเกิดใหม่จะยังคงมีส่วนสำคัญต่อบรรยากาศการดำเนินธุรกิจของอังกฤษ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีสภาพคล่องและสามารถกระตุ้นเม็ดเงินในประเทศ อันจะช่วยขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกได้ ซึ่งขณะนี้เขาเองก็กำลังหาทางกอบกู้ชื่อเสียงของอังกฤษให้กลับมาเป็นศูนย์กลางทางการเงิน หลังจากได้รับการท้วงติงว่า ข้อบังคับด้านการเงินที่เปราะบางคือต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ธนาคารายใหญ่ของอังกฤษสุ่มเสี่ยงต่อการประสบภาวะล้มละลาย
โดยในปีที่แล้ว กระทรวงคลังอังกฤษได้เข้าถือหุ้นในสถาบันการเงินหลายแห่ง อาทิ โรยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ กรุ๊ป และลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป อีกทั้งยังทุ่มเงินหลายแสนล้านปอนด์เพื่อกระตุ้นการออกเงินกู้และเพิ่มเพดานรับประกันหนี้เสีย
ทั้งนี้ ดาร์ลิ่ง และวิน บิชอฟฟ์ อดีตประธานซิตี้กรุ๊ปอิงค์กล่าวว่า การกำกับดูแลจะมีบทบาทสำคัญในการรักษาสถานะของอังกฤษ และนั่นจะทำให้อังกฤษบรรลุเป้าหมายในการกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับเศรษฐกิจโกลก
"ไม่มีใครอยากใช้ข้อบังคับที่เข้มงวดหรือปิดกั้นหนทางในการเพิ่มเม็ดเงินรายได้ แต่ขณะเดียวกัน ไม่มีใครอยากเห็นธนาคารแบกรับความเสี่ยงที่มีอยู่มากเกินไปจนอาจทำให้ทั้งระบบล้มครืนลงมาเช่นกัน" ดาร์ลิ่งทิ้งท้าย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน