บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ให้ความเห็นวันนี้ว่า การปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีผลกระทบต่อปริมาณการบริโภคเบียร์ แต่อันดับเครดิตของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จะยืนอยู่ได้ที่ระดับ “AA-“ เนื่องจากบริษัทเป็นผู้นำตลาดเบียร์และสุราที่มียอดขายรวมมากที่สุด และแนวโน้มการบริโภคสุราที่เพิ่มขึ้นจะทดแทนปริมาณการบริโภคเบียร์ที่ลดลง
ทั้งนี้ หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 รับหลักการในการเพิ่มภาษีสรรพสามิตเบียร์และสุราที่มีผลปรับขึ้นทันที ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการเพิ่มภาษีสรรพสามิตจะมีผลทำให้ผู้ผลิตเบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องปรับราคาขายขึ้น ทำให้เมื่อเปรียบเทียบราคาต่อปริมาณสุทธิแอลกอฮอล์แล้ว ราคาเบียร์จะสูงกว่าราคาสุราขาวและสุราผสม ซึ่งอาจทำให้นักดื่มในกลุ่มรายได้ระดับกลางถึงระดับล่างซึ่งชอบเครื่องดื่มที่มีระดับแอลกอฮอล์สูงเปลี่ยนมาบริโภคสุราแทนเบียร์
ทริสเรทติ้งรายงานว่าปริมาณการบริโภคเบียร์มีความผันผวนต่อภาวะเศรษฐกิจมากกว่าปริมาณการบริโภคสุรา ซึ่งจะเห็นได้จากปริมาณการบริโภคเบียร์ที่ลดลง 4.3% ในปี 2551 และลดต่อเนื่องอีก 11.2% สำหรับไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 (เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน) ในขณะที่ปริมาณการบริโภคสุรากลับมีการเติบโตมากขึ้นที่ระดับ 6.3% และ 10% ตามลำดับ สำหรับการเพิ่มขึ้นของราคาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นนั้นจะมีผลทำให้ปริมาณการบริโภคเบียร์ลดลงอีก
ถึงแม้ว่าการเพิ่มภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีผลทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น แต่ทริสเรทติ้งจะยังไม่เปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของบริษัทไทยเบฟเวอเรจในขณะนี้ เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ผลิตเบียร์และสุรารายใหญ่ของไทยและมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในระดับสูง อีกทั้งผลกระทบด้านลบเกี่ยวกับต้นทุนที่สูงขึ้นนั้นจะได้รับการชดเชยบางส่วนจากการปรับราคาขาย อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งจะติดตามมาตรการต่างๆ ของภาครัฐที่อาจมีในอนาคต ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาอันดับเครดิตของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ปัจจุบันบริษัทไทยเบฟเวอเรจได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรจากทริสเรทติ้งที่ระดับ “AA-" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่"