ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบยูโร แม้ธนาคารกลางยุโรปหั่นดอกเบี้ยเหลือ 1%

ข่าวต่างประเทศ Friday May 8, 2009 07:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) แม้ธนาคารกลางยุโรปตัดสินใจลดอกเบี้ยและเตรียมเข้าซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชนก็ตาม ส่วนเงินปอนด์ร่วงลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษประกาศคงดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูอัตราว่างงานประจำเดือนเม.ย.ที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.55% แตะระดับ 1.3390 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันพุธที่ 1.3317 ดอลลาร์/ยูโร แต่เงินปอนด์ร่วงลง 0.59% แตะระดับ 1.5032 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5121 ดอลลาร์/ปอนด์

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์รวงลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิส 0.33% แตะระดับ 1.1295 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1332 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ดีดตัวขึ้น 0.79% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 99.210 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 98.430 เยน/ดอลลาร์

ดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.33% แตะระดับ 0.7562 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7463 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.61% แตะระดับ 0.5927 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5833 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

รอน เลเวน นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่า ค่าเงินยูโรยังแข็งแกร่งต่อเนื่องแม้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศลดดอกเบี้ยลง 0.25% แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.00% ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่ที่ประชุมกำหนดนโยบายของอีซีบีได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้อัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการใช้สกุลเงินยูโรเมื่อปีพ.ศ. 2542

ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% พร้อมประกาศเพิ่มขนาดของโครงการซื้อสินทรัพย์คืนอีก 5 หมื่นล้านปอนด์ (7.54 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) รวมเป็น 1.25 แสนล้านปอนด์

ทั้งนี้ หลังจากที่ได้มีการลดดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่องจนทำให้ขณะนี้ดอกเบี้ยของอังกฤษลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว ธนาคารกลางอังกฤษจึงตัดสินใจใช้นโยบายทางการเงินที่เรียกว่า Quantitative Easing หรือนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ โดยมีเป้าหมายเพื่อผ่อนคลายแรงกดดันต่อสภาพคล่องและเพิ่มอุปทานเงินในประเทศผ่านทางการซื้อพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชน ซึ่งจนถึงขณะนี้ ธนาคารได้ใช้เงินซื้อสินทรัพย์คืนไปแล้วราว 5.4 หมื่นล้านปอนด์ และกำลังจะใช้อีก 7.5 หมื่นล้านปอนด์ภายในเดือนมิ.ย.นี้

นักลงทุนจับตาดูอัตราว่างงานประจำเดือนเม.ย.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี และคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) จะร่วงลงอย่างน้อย 600,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นการร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 5 เดือน และสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานในสหรัฐยังคงถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ