ธนาคารกลางออสเตรเลียคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจภายในประเทศจะหดตัวลง 1.2% ในอีก 12 เดือนข้างหน้า จากนั้นเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นราว 0.25% เมื่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยค่อยๆส่งผลกระทบในด้านบวกต่อเศรษฐกิจ
สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ขยายตัว 2.2% หลังจากที่หดตัวลง 2% ในเดือนก.พ. ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวเพียง 0.5%
เกลนน์ สตีเวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยแตะระดับต่ำสุดในรอบ 49 ปี ที่ 3%ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนเกินครึ่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมด ในขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี เควิน รัดด์ ก็พยายามกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศด้วยการมอบเช็คเงินสดให้ผู้บริโภคสูงสุดคนละ 950 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (705 ดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนมี.ค.และ เม.ย.
นายอดัม คาร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากบริษัท ICAP Australia Ltd. ในซิดนีย์คาดว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียอาจยุติการลดดอกเบี้ยในเร็ววันนี้ หลังจากที่สตีเวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางเริ่มหันไปให้ความสำคัญกับปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดจากการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มสูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 49 ปี
สตีเวนส์กล่าวว่าจนถึงตอนนี้ออสเตรเลียยังไม่ได้เห็นผลกระทบทั้งหมดที่เกิดจากการลดดอกเบี้ย 6 ครั้ง และการที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณกว่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (6.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การรับประกันตลาดตราสารหนี้ และการช่วยเหลือผู้บริโภค ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว
แม้เศรษฐกิจออสเตรเลียจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี แต่สตีเวนส์เชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลดดอกเบี้ย และเศรษฐกิจจีนที่เริ่มฟื้นตัว จะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศในปีนี้ และเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วมีรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อออสเตรเลียไตรมาสแรกอยู่เหนือระดับที่ธนาคารกลางตั้งเป้าไว้ในช่วง 2-3% สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน