นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐ เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐจะสามารถรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่าธนาคารญี่ปุ่น และยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่า 19 ธนาคารยักษ์ใหญ่ในสหรัฐที่เข้าทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) เสี่ยงที่จะเผชิญภาวะล้มละลาย แม้มีธนาคาร 10 แห่งต้องระดมทุนเพิ่มเป็นวงเงินรวม 7.46 หมื่นล้านดอลลาร์ก็ตาม
"ผลทดสอบ stress test เป็นสิ่งสำคัญที่จะรับประกันสถานะทางการเงินในอนาคตของธนาคารสหรัฐ ผมต้องการให้ชาวอเมริกันมั่นใจว่ารัฐบาลยืนอยู่เบื้องหลังระบบการธนาคารมาโดยตลอด และเงินฝากในธนาคารของพวกเขาปลอดภัยดี" ไกธ์เนอร์กล่าว
ไกธ์เนอร์กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐได้วางยุทธศาสตร์การลดความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในภาคการธนาคาร ซึ่งความไม่แน่นอนดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงอยางหนักในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้คือการสนับสนุนให้ธนาคารทุกแห่งเข้าทดสอบ stress test และเปิดเผยผลการตรวจสอบให้สาธารณชนทราบอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนและนักลงทุนทั่วไปคลายความวิตกกังวล
ทั้งนี้ ไกธ์เนอร์เชื่อมั่นว่าธนาคารในสหรัฐจะสามารถรับมือกับวิกฤตการณ์ได้ดีกว่าธนาคารในญี่ปุ่น พร้อมกับเรียกร้องรัฐบาลญี่ปุ่นไม่ให้แทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของสกุลเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์
"การใช้นโยบายยืดหยุ่นในระบบอัตราแลกเปลี่ยนของญี่ปุ่นถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อสหรัฐและต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ ดังนั้นการใช้นโยบายยืดหยุ่นจะช่วยให้กลไกตลาดทำงานอย่างปกติ ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นนโยบายที่ดีต่อเศรษฐกิจ" ไกธ์เนอร์กล่าว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน