นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า อัตราว่างงานประจำเดือนเม.ย.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทยนั้น จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 8.5% และคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) จะร่วงลงอย่างน้อย 600,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นการร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 5 เดือน และสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานในสหรัฐยังคงถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ไมเคิล เกรกอรี นักวิเคราะห์จาก BMO Capital Markets กล่าวว่า บริษัทเอกชนยังคงเลย์ออฟพนักงานและลดการใช้จ่ายเพื่อให้บริษัทยังสามารถทำกำไรได้ต่อไปหรือเพียงประคองตัวให้รอดพ้นจากการล้มละลาย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังไม่ฟื้นตัวในเร็วๆนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งทำให้อัตราว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นอีก และหากสภาวะในตลาดแรงงานยังคงตึงตัวก็อาจทำให้อัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี
ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัท Maria Fiorini Ramirez Inc ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า "บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ รวถึงบริษัท อินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส แมชีนส์ คอร์ป (ไอบีเอ็ม) และบริษัท ยูเอส โพสทัล เซอร์วิส (ยูพีเอส) ประกาศปลดพนักงานจำนวนมากเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้ผลประกอบการของบริษัทหดตัวลง เราคาดว่าสถานการณ์ในตลาดแรงงานสหรัฐจะตึงตัวต่อไปอีก 2-3 เดือนข้งหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนลดการใช้จ่ายและจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยรุนแรงขึ้น"
นักลงทุนให้ความสนใจต่อตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรและอัตราว่างงานของสหรัฐอย่างมาก หลังจาก ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนของสหรัฐลดการจ้างงานภาคเอกชนลง 491,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบกับการลดลง 708,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. แต่ยังน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าภาคเอกชนจะลดการจ้างงานลง 650,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน