นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ว่า ภาคการส่งออก การนำเข้า การท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบรุนแรงจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ทำให้เศรษฐกิจไทยโดยรวมหดตัวลง มีอัตราการเจริญเติบโตที่ติดลบมาโดยตลอดจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีต่ำกว่าเป้ามากกว่า 200,000 ล้านบาท ซึ่งกระทบต่อการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังของรัฐบาล โดยเฉพาะการวางแผนจัดสรรงบประมาณปีงบประมาณ 2553 รัฐบาล จึงจำเป็นต้องปรับฐานการจัดเก็บภาษีในส่วนของเหล้าและบุหรี่ เพื่อให้รัฐจัดเก็บรายได้เพิ่มและเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนด้วย จึงทำให้เหล้าเบียร์มีราคาแพงขึ้นประมาณ 4 - 6 บาทต่อขวด ขณะที่รัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 7,000 — 8,000 ล้านบาทต่อปี
ส่วนภาษีบุหรี่ขณะนี้มีการจัดเก็บเต็มเพดานแล้ว จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับขยายเพดานภาษีใหม่ โดยอาจจัดเก็บในอัตรา 10 บาทต่อซองสำหรับบุหรี่ในประเทศ ขณะที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีฐานะทางการเงินและสภาพคล่องดีขึ้นโดยมีเงินกองทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท ดังนั้น หากขยับการจัดเก็บภาษีน้ำมันขึ้นก็จะลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันลงประชาชนก็ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลยังไม่มีแนวคิดจัดเก็บภาษีอื่นๆเพิ่มอีก ยกเว้นภาษีทรัพย์สิน การศึกษา และมรดก ที่มีแนวโน้มปรับขยายการจัดเก็บภาษีขึ้นอีกในอนาคต โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเป็นข้อกฎหมาย คาดว่าจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะมีผลบังคับใช้ได้