นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าแผนกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย อาจทำให้หนุ่มสาวชาวออสเตรเลียจำนวนมากเผชิญวิกฤตหนี้สินครั้งใหญ่
โดยมาตรการให้ความช่วยเหลือมูลค่ากว่า 21,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (16,142 ดอลลลาร์สหรัฐ) สำหรับผู้ซื้อบ้านครั้งแรก พร้อมดอกเบี้ยต่ำสุดตลอด 49 ปี ทำให้หนุ่มสาวชาวออสซี่กว่า 40,000 รายตัดสินใจกู้เงินเพื่อซื้อบ้านตั้งแต่เดือนต.ค.ที่ผ่านมา และทำให้บ้านราคาต่ำกว่า 500,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียเป็นที่ต้องการมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อบ้านกลุ่มนี้อาจไม่สามารถผ่อนบ้านได้หากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้จำนวนบ้านที่ถูกยึดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาบ้านลดลง กระทบถึงกำไรของธนาคารและการใช้จ่ายภาคครัวเรือนซึ่งมีสัดส่วนกว่าครึ่งของเศรษฐกิจทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเคยเคยขึ้นในสหรัฐมาแล้ว และเป็นต้นตอของวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันนั่นเอง
"เรากำลังเป็นเหมือนสหรัฐเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งในตอนนั้นชาวอเมริกาจำนวนมากซื้อบ้านได้ทั้งที่ไม่ควรจะซื้อ" มาร์ติน นอร์ท กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟูจิตสึ ออสเตรเลีย บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ในซิดนีย์ กล่าว
ทั้งนี้ เศรษฐกิจออสเตรเลียกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2534 และมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ของนายกฯ ออสเตรเลียกำลังถูกนักเศรษฐศาสตร์และสื่อวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน