นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลจำเป็นต้องปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยในขั้นแรกจะมีการออก พ.ร.ก. เพื่อขยายเพดานการจัดเก็บภาษีน้ำมันที่ปัจจุบันจัดเก็บเต็มเพดานแล้ว แต่ในระยะแรกของการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันก็จะให้นำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุนเท่ากับอัตราภาษีที่ปรับขึ้น เพื่อช่วยลดภาระของประชาชนให้ได้มีเวลาปรับตัวอย่างน้อยในช่วงเดือนแรก
ที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันเชื้อเชื้อเพลิงได้เก็บเงินเข้ากองทุน 1.70 บาท/ลิตร โดยมีการจัดเก็บเงินจากน้ำมันบางประเภทสูงถึง 4-5 บาท/ลิตร ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ มีเงินกว่า 20,000 ล้านบาท แต่หากหักหนี้แล้วก็ยังเหลือเงินกว่า 15,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงมีโอกาสที่กองทุนฯ จะลดการเก็บเงินได้ระยะหนึ่ง
"โอกาสที่กองทุนน้ำมันจะลดการเก็บเงินภาษีเข้ากองทุน เพื่อช่วยลดภาระของประชาชน เป็นสิ่งที่ทำได้ โดยที่ทำให้ราคาหน้าปั๊มน้ำมันไม่ปรับขึ้น ซึ่งรัฐบาลมั่นใจว่าจะสามารถบริการจัดการได้ โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ปรับตัว อย่างน้อยก็เป็นเดือน" นายกรณ์ กล่าว
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนว่าในอนาคตจะไม่มีน้ำมันราคาถูก แต่จะส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทน เนื่องจากน้ำมันเป็นสินค้านำเข้า และไทยมีอัตราการใช้น้ำมันมากที่สุดในเอเซียนเมื่อเทียบขนาดเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น ระยะยาว รัฐบาลจึงมีนโยบายลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมัน ขณะที่ประเทศไทยมีความสามารถในการผลิตพลังงานทดแทน และยังเป็นการช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับราคาพืชผลทางการเกษตร
"ราคาน้ำมันต้องสูงในระดับหนึ่ง ซึ่งเราไม่มีนโยบายน้ำมันราคาถูก ดังนั้น เราต้องรักษาอัตราการใช้น้ำมันให้คุ้มค่าแก่การลงทุน ขณะเดียวกัน การใช้พลังงานทดแทน ก็เป็นประโยชน์แก่เกษตรกร และประชาชน" รมว.คลังกล่าว