นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานในพิธิการลงนามความร่วมมือการร่วมลงทุนเปิดศูนย์การค้า เมกะ บางนา ระหว่าง บมจ.สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเม้นท์ (SF) กับ บริษัท อิคาโน่ จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ในกลุ่มประเทศนอร์ดิกว่า การที่นักลงทุนต่างประเทศเลือกลงไทยในประเทศไทยเพื่อสร้างศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในอนาคตของเศรษฐกิจไทย และการเลือกจังหวะการลงทุนขณะนี้ถือว่ามีนัยสำคัญ โดยเห็นว่าปัญหาเศรษฐกิจของไทยรัฐบาลสามารถแก้ไขได้ ขณะที่เรื่องการเมืองเป็นเพียงปัญหาระยะสั้น โครงการลงทุนดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 54 จะช่วยสร้างการจ้างงานได้ไม่น้อยกว่า 20,000 คน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งปี 55 วงเงินลงทุน 1.43 ล้านล้านบาท ที่จะทำให้เกิดการจ้างงงาน 1.6-2 ล้านคน
"การที่นักลงทุนต่างประเทศเลือกลงทุนตอนนี้ถือเป็นนัยสำคัญซึ่งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยภาครัฐเพียงอย่างเดียวคงไมได้ และการที่มีนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ มาลงทุนช่วงนี้ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่จะร่วมกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจ...นี่เป็น 1 ในหลายโครงการที่มาลงทุน หากการเมืองสงบ รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ก็เป็นประโยชน์ต่อประชาชน" นายกรณ์ กล่าว
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า โครงการลงทุนตามแผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็งปี 55 หากรัฐบาลสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับโครงการลงทุนภาครัฐ จะทำให้ภาคเอกชนพร้อมที่จะขยายการลงทุนตาม เพื่อให้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาลประสบผลสำเร็จ และเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งในระบบเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังมีแผนจัดตั้งกองทุนโครงสร้างสาธารณปโภค(Infrastructure Fund)ในประเทศ เพื่อรองรับการลงทุนของรัฐบาล มีแนวคิดที่หลากหลาย รูปแบบอาจดำเนินการโดยวิธีการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์(securitization)โดยใช้ทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ รายได้หรือหุ้นในอนาคตมาดำเนินการจัดตั้งเป็นกองทุน
"ปัจจุบันรัฐบาลสามารถนำที่ราชพัสดุหรือโครงการต่างๆ ของภาครัฐที่สามารถสร้างรายได้ในอนาคต มาทำซีเคียวริไทเซชั่น หรือโครงการอื่นๆ เช่นไฟฟ้า ก็สามารถนำมาจัดตั้งกองทุนได้...ตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะมีวงเงินจัดตั้งกองทุนเท่าไร และจัดตั้งได้เมื่อไร"รมว.คลัง กล่าว
สำหรับแนวคิดการจัดตั้ง Infrastructure Fund เป็นกองทุนอาเซียน ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งจากการประชุมในเวทีต่างๆ ประเทศสมาชิกอาเซียนให้การยอมรับและพร้อมสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว ซึ่งขณะนี้มีความชัดเจนมากขึ้นที่จะนำเงินออมของประเทศสมาชิกมาลงทุนซื้อพันธบัตรอาเซียนจัดตั้งเป็นกองทุน นำเงินไปลงทุนในระบบสาธารณูปโภคของอาเซียน เชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจอาเซียน โดยไทย จะมีการนำเสนอรายละเอียดให้ประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียนอีกครั้งในเดือน ต.ค.นี้