ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทำให้นักลงทุนแห่ถือครองสกุลเงินดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากผลการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ของ 19 แบงค์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐที่บ่งชี้ว่า มีธนาคารหลายแห่งต้องออกหุ้นเพิ่มเพื่อใช้ในการระดมทุน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.34% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1091 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.1053 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลง 1.21% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 97.360 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 98.550 เยน/ดอลลาร์
ขณะที่ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.40% แตะระดับ 1.3592 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3646 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์ดิ่งลง 0.76% แตะระดับ 1.5128 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5244 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.17% แตะระดับ 0.7605 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7695 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสตเรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.18% แตะระดับ 0.6024 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6035 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จอห์น ริเวรา นักวิเคราะห์สกุลเงินของ DailyFX.com ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทำให้นักลงทุนแห่ถือครองสกุลเงินดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และหลังจากผลการทดสอบภาวะวิกฤตของ 19 ธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐระบุว่า ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา จำเป็นต้องเพิ่มทุนมากที่สุดที่ระดับ 3.39 หมื่น ล้านดอลลาร์ ธนาคารเวลส์ ฟาร์โกต้องเพิ่มทุน 1.37 หมื่นล้านดอลลาร์ บริษัท GMAC ต้องเพิ่มทุน 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์ ซิตีกรุ๊ป อิงก์ ต้องเพิ่มทุน 5.5 พันล้านดอลลาร์ และมอร์แกน สแตนลีย์ ต้องเพิ่มทุน 1.8 พันล้านดอลลาร์
ส่วนค่าเงินยูโรและเงินปอนด์ได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารกลางอังกฤษตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% พร้อมประกาศเพิ่มขนาดของโครงการซื้อสินทรัพย์คืนอีก 5 หมื่นล้านปอนด์ (7.54 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) รวมเป็น 1.25 แสนล้านปอนด์ และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศลดดอกเบี้ยลง 0.25% แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.00% ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่ที่ประชุมกำหนดนโยบายของอีซีบีได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้อัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการใช้สกุลเงินยูโรเมื่อปีพ.ศ. 2542
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนพ.ค.