บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) เผยผู้บริหารของบริษัท 6 รายได้พากันขายหุ้นของบริษัท เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตรถรายใหญ่สุดของสหรัฐออกมายอมรับว่า บริษัทมีแนวโน้มมากขึ้นที่อาจจะต้องยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลาย ซึ่งผู้บริหารที่ได้ขายหุ้นออกไปมีทั้งบ็อบ ลัทซ์ รองประธานบริษัท และทรอย คลาร์ก ประธานบริษัทในอเมริกาเหนือ ซึ่งขายหุ้นที่ตนเองมีอยู่ทั้งหมด
บลูมเบิร์กรายงานว่า จูลี กิ๊บสัน โฆษกของบริษัท กล่าวว่า การขายหุ้นในลักษณะดังกล่าวสามารถทำได้ หลังจากที่บริษัทได้รายงานตัวเลขรายได้รายไตรมาสไปแล้วเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่ผู้บริหารจะขายหุ้นได้ก่อนที่จะถึงขีดเส้นตายในการปรับโครงสร้างบริษัทหรือยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้
ฟริทซ์ เฮนเดอร์สัน ซีอีโอของบริษัทกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะล้มละลายว่า บริษัทมีโอกาสที่จะล้มละลายมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นหลังจากที่คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้บีบนายริค วาโกเนอร์ อดีตซีอีโอให้ลาออกจากตำแหน่ง และได้จัดการประชุมเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว
เมิร์กโก มิเคลลิค ผู้บริหารของฟิฟท์ เทิร์ด แอสเส็ท เมเนจเมนท์ กล่าวว่า ตอนนี้น่าจะมีความชัดเจนแล้วว่าบริษัทจะเดินหน้าไปในทิศทางใด ทุกคนต่างเตรียมพร้อมรับมือกับการล้มละลายอยู่ในขณะนี้
หุ้นจีเอ็มในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วง 11% แตะ 1.44 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 16.15 น. และมูลค่าหุ้นร่วงลง 93% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ลัทซ์ ได้ขายหุ้นของจีเอ็มไป 81,360 หุ้น ในราคา 1.61 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่วนคลาร์กได้ขายหุ้นไปจำนวน 21,380 หุ้น ที่ราคา 1.45 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่วนผู้บริหารรายอื่นๆที่ขายหุ้น ได้แก่ โทมัส สตีเฟนส์ รองประธานบริษัท แกรี่ คาวเกอร์ รองประธานกลุ่ม คาร์ล ปีเตอร์ ฟอร์สเตอร์ และราล์ฟ ไซเจนดา