นักวิเคราะห์คาด"ฮอนด้า"ดันการผลิต-ยอดขายแซงไครสเลอร์ รั้งอันดับ 4 ในตลาดสหรัฐ

ข่าวต่างประเทศ Tuesday May 12, 2009 10:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฮอนด้า มอเตอร์ โค (Honda Motor Co.) ผู้ผลิตรถรายใหญ่จากญี่ปุ่นมีแนวโน้มทำยอดการผลิตรถได้มากกว่าไครสเลอร์ แอลแอลซีในปีนี้ และจะสามารถก้าวขึ้นครองตำแหน่งบริษัทรถอันดับ 4 ในตลาดสหรัฐ

โดยในช่วงสิ้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ไครสเลอร์มียอดการผลิตรถสูงกว่าฮอนด้าเพียง 17,011 คัน เมื่อเทียบกับจำนวน 236,645 ในปีก่อนหน้านี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าฮอนด้าจะสามารถเพิ่มการผลิตรถมากขึ้นเพื่ออุดช่องว่างของส่วนต่างระหว่างฮอนด้ากับไครสเลอร์ได้ในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ฮอนด้าเป็นรองเพียงเจนเนอรัล มอเตอร์ คอร์ป (จีเอ็ม), โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป และฟอร์ด มอเตอร์ โค ในตลาดรถยนต์ของสหรัฐ

โดยฮอนด้า ซึ่งรั้งอันดับ 5 ในตลาดสหรัฐตั้งแต่ปี 2531 เริ่มทำยอดขายได้มากกว่าไครสเลอร์ในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา แม้ยอดขายของฮอนด้าในสหรัฐจะลดลง 32% แตะที่ 332,014 คัน แต่ก็ยังดีกว่าไครสเลอร์ที่มียอดขายดิ่งลง 46% มาอยู่ที่ 323,890 คัน ขณะที่ยอดขายโดยรวมของสหรัฐทรุดฮวบลง 37% ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้

นอกจากนี้ ในแง่ของกำลังการผลิตนั้น ไครสเลอร์เป็นค่ายรถที่มียอดการผลิตดิ่งลงหนักสุดในบรรดารถค่ายอื่นๆ โดยในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาอัตราการผลิตรถจากไครสเลอร์วูบหนัก 57% มาอยู่ที่ 322,773 คัน ส่วนฮอนด้ามีกำลังการผลิตรถตามมาติดๆที่ 305,762 คันจากโรงงานในสหรัฐ แคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งลดลง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ไมเคิล โรบิเน็ท นักวิเคราะห์จากซีเอสเอ็ม เวิลด์ไวด์ ในนอร์ทวิลล์ มิชิแกนกล่าวว่า "อุตสาหกรรมรถยนต์ในขณะนี้กำลังมาถึงจุดเปลี่ยน ซึ่งวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับไครสเลอร์และจีเอ็มยิ่งเป็นตัวเร่งให้มีการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นอีก"

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ค่ายรถบิ๊กทรีของสหรัฐอย่างจีเอ็ม ฟอร์ด และไครสเลอร์ ซึ่งเคยครองส่วนแบ่งยอดขายในตลาดสหรัฐมาตั้งแต่ยุค 2533 นั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อโตโยต้าสามารถทำยอดขายแซงหน้าไครสเลอร์ได้ในปี 2549 โดยยอดขายในปีนี้ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปี ซึ่งภาวะดังกล่าวยิ่งสร้างแรงกดดันให้จีเอ็มเสี่ยงต่อการเผชิญภาวะล้มละลายมากขึ้นและยังมีผลต่อส่วนแบ่งทางการตลาดของค่ายรถบิ๊กทรีให้ร่วงลงมาอยู่ที่ 44.4% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับที่เคยครองส่วนแบ่งได้กว่า 70% เมื่อ 10 ปีที่แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ