ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมี.ค.หลังจากที่เคยอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปีนับตั้งแต่ปี 2542 เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจนส่งผลให้มูลค่าการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่เดือนก.พ.สหรัฐมียอดขาดดุลน้อยที่สุดในรอบ 9 ปีที่ระดับ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์เพราะมียอดนำเข้าดิ่งลง 5.1% ขณะที่ยอดส่งออกเพิ่มขึ้น
ไรอัน สวีท นักวิเคราะห์จาก Moody’s Economy.com กล่วว่า "ราคาน้ำมันไม่ลดลงอีกต่อไปแล้ว ซึ่งอาจส่งผลต่อยอดขาดดุลการค้า แต่สหรัฐเชื่อว่าประเทศจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศคู่ค้ารายอื่นๆ แม้ยอดขาดดุลสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้น"
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐมีกำหนดรายงานตัวเลขขาดดุลการค้าในเวลา 08:30 น.ในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือคืนนี้ตามเวลาในประเทศไทย
ทั้งนี้ เหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขาดดุลจะฟื้นตัวขึ้นคือการดีดตัวของราคาน้ำมัน โดยราคานำเข้าน้ำมันถีบตัวขึ้น 11% ในเดือนมี.ค. ซึ่งไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า ยอดขาดดุลในเดือนก.พ.ที่ลดลงนั้นอาจเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นๆเท่านั้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังจมดิ่งอยู่ในภาวะถดถอย โดยเศรษฐกิจโลกอาจหดตัวลง 1.3% ในปีนี้ ซึ่งนับเป็นการหดตัวครั้งแรกในยุคหลังสงครามโลกขณะที่บรรยากาศทางการค้าทั่วโลกซบเซา 11%