สำนักงานสถิติแห่งชาติอินเดียรายงานในวันนี้ว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของอินเดียประจำเดือนมี.ค.ร่วงลงหนักสุดในรอบ 16 ปี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยบีบให้บริษัทหลายแห่งในอินเดียลดกำลังการผลิตและการลงทุน โดยผลผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค ดิ่งลง 2.3%ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีพ.ศ.2536 หลังจากขยับลงเพียง 0.7% ในเดือนก.พ.
นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางอินเดียปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง ขณะที่รัฐบาลอินเดียได้เพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายในแผนกระเต้นเศรษฐกิจซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 7% ของตัวเลขจีดีพี ซึ่งความพยายามดังกล่าวกำลังเห็นผลในขณะนี้ โดยดัชนีชี้วัดกำลังซื้อของกลุ่มผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อซึ่งจัดทำโดยธนาคารเอบีเอ็น อัมโร มีแนวโน้มดีดตัวขึ้นในเดือนเม.ย. ซึ่งจะเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน
ฟิลิป ไวเอท นักวิเคราะห์จากยูบีเอส เอจี กล่าวว่า "กิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า แม้เศรษฐกิจยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งสะท้อนให้เห็นว่า ภาคอุตสาหกรรมในอินเดียจะฟื้นตัวขึ้น"
นอกจากนี้ ยอดขายรถยนต์ การผลิตปูนซีเมนต์ กระแสไฟฟ้า และปิโตรเลียม มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน โดยยอดขายรถยนต์โดยสารในอินเดียพุ่งขึ้น 4.2%ในเดือนเม.ย. หลังจากขยับขึ้น 1% ในเดือนมี.ค. ขณะที่ปริมาณการผลิตปูนซีเมนต์พุ่งขึ้น 10.1%ในเดือนมี.ค. และผลผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 5.9% สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน