ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนมี.ค. เนื่องจากยอดส่งออกลดลงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเผยว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดหดตัวลง 48.8% มาอยู่ที่ 1.486 ล้านล้านเยน (1.55 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากปีก่อนหน้านี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดเกินดุลจะอยู่ที่ระดับ 1.21 ล้านล้านเยน ขณะที่ยอดส่งออกของญี่ปุ่นในเดือนมี.ค.ลดลง 46.5% จากปีก่อน หลังจากที่ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดที่ 50.4% ในเดือนก.พ. ส่วนยอดนำเข้าลดลง 37.8% เมื่อเทียบกับที่ทรุดฮวบลง 44.9% ในเดือนก.พ.
นอกจากนี้ ภาวะตื่นตัวของอุปสงค์รถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์อาจชะลอตัวลง หลังจากยอดส่งออกจากญี่ปุ่นไปยังสหรัฐและจีนตกต่ำลง ซึ่งจีนและสหรัฐเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเริ่มซบเซาในเดือนมี.ค. โดยยอดส่งออกไปจีนหดตัว 31.6% ขณะที่ยอดส่งออไปสหรัฐวูบหนัก 51.4%
ขณะเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในประเทศว่าจะหดตัวหนักสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 3.3% ในปีงบประมาณนี้ เนื่องจาการส่งออกและการใช้จ่ายภาคเอกชนหดตัวลงหนักเกินคาด เช่นเดียวกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่มองว่า วิกฤตเศรษฐกิจโลกถดถอยจะยิ่งถลำลึกและฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ในก่อนหน้านี้ เนื่องจากตลาดเงินจำเป็นต้องอาศัยเวลาเยียวยาอีกนานกว่าจะกลับมามีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 1.3% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ 0.5% และคาดว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1.9% ซึ่งน้อยกว่าระดับคาดการณ์ในก่อนหน้านี้ที่ 3%
จุนโกะ นิชิโอกะ นักวิเคราะห์จากอาร์บีเอส ซีเคียวริตี้ เจแปนกล่าวว่า "อุปสงค์จากต่างประเทศดำดิ่งลงถึงจุดต่ำสุดและไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัวได้ในเร็วๆนี้ เนื่องจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงซบเซา ซึ่งขณะนี้เป็นเรื่องยากที่ญี่ปุ่นจะกลับมาทำตัวเลขเกินดุลบัญชีเดินสะพัดได้"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 9:22 น.ตามเวลาโตเกียว เงินเยนเทรดกันที่ 96.18 ต่อดอลลาร์ จากระดับ 96.17 ต่อดอลลาร์