สำนักงานปริวรรตเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นรายงานว่า นักลงทุนรายย่อยในญี่ปุ่นแห่เข้าซื้อสกุลเงินเยนมากที่สุดในรอบ 6 เดือน โดยมีเป้าหมายที่จะเทขายทำกำไรเมื่อสกุลเงินเยนอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ รวมถึงยูโร ดอลลาร์นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย ซึ่งนักลงทุนรายย่อยซึ่งรวมถึงนักธุรกิจ กลุ่มแม่บ้าน และประชาชนที่พึ่งพาเงินบำเน็จบำนาญ ได้เข้าถือสัญญาการทำมาร์จินทั้งสิ้น 153,326 สัญญาในเดือนที่แล้ว
โยชิซาดะ อิชิเดะ นักวิเคราะห์จาก Daiwa SB Investments กล่าวว่า "มูลค่าการเข้าซื้อสกุลเงินเยนของนักลงทุนรายย่อยในญี่ปุ่นอาจสูงถึง 1.25 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อที่ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยรุนแรงกำลังจะสิ้นสุดลงและอัตราผลตอบแทนของสกุลเงินอื่นๆกำลังดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุด"
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) รายงานว่า กลุ่มแม่บ้านซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนรายย่อย มีเงินออมทั้งสิ้น 1,434 ล้านล้านเยน หรือ 14.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยเหตุนี้นักลงทุนจึงต้องการนำเงินเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น หลังจากบีโอเจตัดสินในลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือเพียง 0.1%
มาซาฮิโร่ ซูซูกิ นักวิเคราะห์ชื่อดังของญี่ปุ่นกล่าวว่า "นักลงทุนรายย่อยซึ่งมีจำนวนมากขึ้นนับตั้งแต่เลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลายนั้น กำลังเข้าลงทุนในสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงเนื่องจากตลาดการเงินทั่วโลกเริ่มมีเสถียรภาพ"
ส่วนในช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียว ค่าเงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานอ้างบทความที่ระบุถึงความเสี่ยงที่สหรัฐจะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA โอซามุ ทากาชิมา นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ โตเกียว มิตซูบิชิ ยูเอฟเจกล่าวว่า "บทความในไฟแนนเชียลไทม์สเป็นตัวกระตุ้นให้นักลงทุนเห็นถึงความความเสี่ยงที่มีต่อเงินดอลลาร์สหรัฐ และหากประชาชนเริ่มตั้งคำถามต่อความสามารถของสหรัฐในการซื้อตราสารหนี้มากขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าเงินดอลลาร์อาจเคลื่อนไหวที่ 90 เยน/ดอลลาร์ หรือเมื่อเทียบกับยูโรจะอยู่ที่ 1.4 ยูโร/ดอลลาร์" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน